อนุรักษ์ฟื้นฟูอ่าวมาหยา คาดเปิดรับนักท่องเที่ยวต้นปีหน้า ต้องไม่กระทบแนวปะการัง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) นำทีมคณะผู้บริหาร เดินทางไปยังหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ พพ. 5 (อ่าวมาหยา) หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการอนุรักษ์ฟื้นฟูอ่าวมาหยา

ข่าวภูเก็ต

วันจันทร์ ที่ 22 พฤศจิกายน 2564, เวลา 13:00 น.

พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ตรวจสอบการก่อสร้างท่าเทียบเรือบริเวณอ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งเป็นจุดรับส่งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังอ่าวมาหยา ให้ออกแบบเพื่อให้สามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก โดยไม่กระทบกับแนวปะการัง รวมถึงระบบนิเวศโดยรอบ นอกจากนี้ ยังได้ติดตามการฟื้นตัวของปะการัง ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพาะเลี้ยงฟื้นฟู จนมีการเจริญเติบโต เมื่อปะการังที่เพาะเลี้ยงสมบูรณ์เต็มที่แล้วจะได้นำลงสู่ทะเลต่อไป อีกทั้ง ยังได้ปลูกต้นจิกทะเลไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

“อ่าวมาหยา ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง มีการใช้ประโยชน์จนทรัพยากรธรรมชาติเริ่มเสื่อมโทรม โดยเฉพาะแนวปะการัง จากการสั่งปิดอ่าวมาหยา เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้นจนถึงตอนนี้ ธรรมชาติเริ่มกลับมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะนี้ อยู่ในช่วงการปรับปรุงท่าเทียบเรือและการกำหนดแนวเขตสำหรับลงเล่นน้ำ เพื่อให้การท่องเที่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร สามารถพัฒนาควบคู่ไปด้วยกันได้ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดอ่าวมาหยาได้ในช่วงต้นปีหน้า” นายวราวุธ กล่าว

สำหรับการปิดอ่าวมาหยา ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หรือ อาจารย์ธรณ์ ได้เคยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อปี 2561 เพื่อบอกถึงการปิดอ่าวมาหยาในตอนนั้นว่า อ่าวมาหยามีนักท่องเที่ยวมาเยือน 3-4 พันคนต่อวัน โดยมีเรือมากกว่า 200 ลำแล่นผ่านแนวปะการังเพื่อเข้ามาจอดเทียบชายหาด

โดยแบ่งขีดความสามารถในการรองรับด้านการท่องเที่ยว ออกเป็น 5 ด้าน นิเวศ จิตวิทยา กายภาพ สิ่งอำนวยความสะดวก และสังคมวัฒนธรรม สำหรับด้านนิเวศ ดร.ธรณ์ ระบุชัดเจน “เห็นได้ชัดว่าปัญหาอย่างมากที่แนวปะการังเสื่อมโทรมหนัก กำลังเริ่มมีปัญหาที่หาดทรายและป่าชายหาดที่นักท่องเที่ยวเดินเหยียบย่ำ”

การท่องเที่ยวที่ได้สร้างรายได้จำนวนมหาศาลนั้นก็นำมาซึ่งความบอบช้ำให้กับธรรมชาติอ่าวมาหยาไม่น้อย ซึ่งการปิดอ่าวมาหยาจึงเป็นคำตอบชัดเจนจากกรมอุทยานฯ จากชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะพีพี - ทะเลต้องมาก่อน! คือคำตอบของเมืองไทยไปสู่ชาวโลกว่า “การท่องเที่ยวไม่ใช่ทุกสิ่ง เมื่อถึงเวลาต้องเลือก เราเลือกรักษาสมบัติของชาติ”

ในเรื่องนี้ต้องขอแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลรักษาบริเวณดังกล่าว ที่ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลฟื้นฟูปะการังของอ่าวเล็ก ๆ แห่งนี้บนเกาะพีพีเลมากกว่าเงินตรา รวมไปถึงนักอนุรักษ์ทุกท่านทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูความงดงามทางธรรมชาติของอ่าวมาหยาที่เคยบอบช้ำอย่างแสนสาหัส
เกาะเล็ก ๆ ในพื้นที่จังหวัดกระบี่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่เพียง 250 x 15 เมตร แต่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้นับล้านคนต่อปี หลังจากความงดงามของที่แห่งนี้ถูกเผยแพร่สู่สายตาคนทั่วโลกผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังในปี 2000 ที่นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดีแคพริโอ

สำหรับอ่าวมาหยานั้น เป็นเวิ้งอ่าวขนาดเล็กที่เป็นที่อยู่ของทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม เป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ประกาศปิดให้บริการท่องเที่ยวมาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2561 เป็นต้นมา เพื่อให้ธรรมชาติ ระบบนิเวศทั้งบนฝั่งและใต้ทะเลได้ฟื้นฟู หลังจาก ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ปะการังเสียหาย พื้นทรายบริเวณชายหาดทรุดตัว จากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว มาเป็นระยะเวลานาน โดยในระหว่างการปิดอ่าวมาหยานั้น เจ้าหน้าที่ได้ฟื้นเพาะขยายปะการังใหม่อีกประมาณกว่า 10 ไร่ และมีการปลูกพันธ์ไม้ป่าพื้นถิ่นเดิมบริเวณบนฝั่งและแนวชายหาด เพื่อช่วยยึดหน้าดินป้องกันการพังทลายของเนินทรายหน้าหาด มีการติดตามการกัดเซาะชายหาดต่อเนื่อง ซึ่งพบว่า ขณะนี้ธรรมชาติเริ่มฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์ขึ้น พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่สนใจเดินทางมาสัมผัสความสวยงามของอ่าวมาหยาในอนาคต

ที่มา: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่