กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงการณ์เรียกร้องให้สหรัฐเคารพกฎการค้าระหว่างประเทศ และเพิ่มความร่วมมือระหว่างทั้งสองชาติ โดยอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมและได้รับประโยชน์เสมอภาค หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งพิเศษ 2 ฉบับเพื่อแก้การขาดดุลการค้า เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อนประธานาธิบดี สีจิ้นผิง จะเยือนสหรัฐและพบปะกับทรัมป์ในวันที่ 6-7 เม.ย.นี้
สำหรับคำสั่งฉบับแรกของทรัมป์เป็นการเปิดการสืบสวนและประเมิน 16 ชาติที่มีการค้าเกินดุลกับสหรัฐ ซึ่งรวมถึงจีน เยอรมนี และมาเลเซีย โดยการประเมินครอบคลุมถึงสาเหตุที่ขาดดุลและวิธีการ ซึ่งรวมถึงกฎหมายและการกำกับดูแลที่อาจเอาเปรียบสหรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อม ขณะที่ฉบับที่ 2 เป็นการหาทางจัดการกับการหนีภาษีนำเข้าของสหรัฐ
ด้าน บริกริททาร์ ซูพริส รัฐมนตรีเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า คำสั่งดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของสหรัฐที่ต้องการถอยห่างจากการค้าเสรีและข้อตกลงการค้า อย่างไรก็ตามเยอรมนีจำเป็นต้องเจรจาอย่างสร้างสรรค์และให้ความกระจ่างกับสหรัฐต่อสาเหตุที่การค้าสหรัฐขาดดุล โดยซูพริสจะพบปะกับทรัมป์ในเดือน พ.ค.ที่จะถึงนี้
ก่อนหน้านี้ ซิกมาร์ กาเบรียล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) ในกรณีที่สหรัฐวางแผนจะตั้งกำแพงภาษีนำเข้าเหล็กแผ่นระหว่าง 3.62-148% กับ 5 ประเทศสมาชิกอียู ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม ฝรั่งเศส และอิตาลี
ขณะเดียวกัน ออง คา ชวน รัฐมนตรีช่วยการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศของมาเลเซีย กล่าวว่า มาเลเซียไม่ใช่ผู้ต้องรับผิดชอบหรือมีการเอาเปรียบสหรัฐจนทำให้การค้าของสหรัฐขาดดุล โดยหากสหรัฐใช้มาตรการลงโทษมาเลเซีย เอกชนสหรัฐที่อยู่ในมาเลเซีย เช่น อินเทล บริษัทผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน
ออง ระบุว่า 53% ของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มาเลเซียส่งออกไปยังสหรัฐเป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตของบริษัทสัญชาติอเมริกันที่อยู่ในมาเลเซีย หลังต้นทุนการผลิตในมาเลเซียถูก โดยการส่งออกไปยังสหรัฐเป็นการส่งออกชิ้นส่วนเพื่อไปประกอบ
ทั้งนี้ 16 ชาติที่สหรัฐจะสอบสวน ประกอบไปด้วย จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี เม็กซิโก ไอร์แลนด์ เวียดนาม อิตาลี เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินเดีย ไทย ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย และแคนาดา หลังปี 2016 ที่ผ่านมาสหรัฐขาดดุลการค้ามากกว่า 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 24 ล้านล้านบาท) โดยขาดดุลกับจีนมากสุด ราว 3.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท)
