โคสท์บีชคลับแอนด์บิสโทร ซันเดย์บรันช์ที่ใช่ ในบรรยากาศอันแสนลงตัวริมหาดกะรน

อาหาร - ลืมตาตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าวันอาทิตย์อันแสนสดใส หลังจากที่ได้พักร่างกายจากการทำงานตลอดสัปดาห์อย่างเต็มที่ไปแล้วในวันเสาร์ และด้วยพลังงานที่ชาร์จเต็ม 100 % ก็ทำให้ถีบตัวเองขึ้นจากเตียงด้วยความคิดที่ว่า “วันนี้ต้องออกไปหาอะไรสนุก ๆ ทำเสียหน่อย อากาศดี ๆ แบบนี้ ถ้าขืนนอนอยู่บ้านคงเสียโอกาสดี ๆ ไปเยอะเลย” จากนั้นก็เอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านรับแสงแเดดยามเช้าและเปิดหน้าต่างรับลมวันอาทิตย์สีแดงแบบเต็ม ๆ

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันเสาร์ ที่ 4 สิงหาคม 2561, เวลา 12:00 น.

คำแรกที่มาพร้อมกับลมเย็น ๆ พัดผ่านมาปะทะหน้าคือ “ทะเล” กอปรกับหลายชั่วโมงในคืนวันเสาร์ที่ยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง จะมีอะไรดีไปกว่าการดื่มด่ำกับมื้ออาหารริมทะเลในวันอาทิตย์ที่อากาศแสนจะเป็นใจ รอช้าอยู่ไย? อาบน้ำแต่งตัวออกไปออกไปรับลมทะเลกันหน่อยดีกว่า

ขับรถเส้นทางผ่านเขาป่าตองมุ่งหน้าสู่กะรน ที่แม้ปริมาณรถยนต์จะมากพอสมควร แต่ในวันที่อากาศดีเลิศขนาดนี้ ก็อย่าไปเครียดเลย ยิ้มไว้ ฟังเพลงพลาง ๆ ขับถึงช่วงรอยต่อป่าตองกับกะรนมีการปรับปรุงผิวถนนก็ยังไม่สามารถทำให้อารมณ์ขุ่นลงได้เลย เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก... และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทาง “เซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ท ภูเก็ต” ที่ซึ่งพอเลี้ยวรถเข้ามาก็เจอกับพี่ ๆ รปภ.ยืนยิ้มรออยู่ และคอยช่วยบอกทางไปยังลานจอดรถ

จากนั้นก็เดินสวย ๆ ไปยังที่หมายแห่งมื้อบรันช์ “โคสท์บีชคลับแอนด์บิสโทร” จำได้ว่าถึงร้านอาหารประมาณเที่ยงครึ่ง กับอีกหนึ่งความประทับใจด้วยการต้อนรับสุดแสนจะเป็นมิตรจากทางร้าน และเพื่อน ๆ ที่นั่งรอกันอยู่แล้ว พร้อมกับบทสนทนาที่ได้เริ่มไปแล้วพอสมควรให้เราต้องติดตามไปให้ทัน

“โคสท์” วันนี้มีมื้อบรันช์สุดพิเศษที่จัดในแบบอาลาคาร์ท บรันช์ กับเมนูหลากหลายที่เรียกได้ว่าเลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะน่าสนใจทุกอย่าง แต่ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการสั่งอาหาร น้องพนักงานผู้น่ารักก็ถามว่า “ดื่มอะไรดีคะ”

อืม..อากาศดี ๆ แบบนี้ ในบรรยากาศส่วนตัว ด้วยการจัดวางโต๊ะอาหารที่ไม่ชิดกันจนเกินไป กับเพื่อน ๆ ที่รู้ใจ และเสียงเพลงจากบูธดีเจในสไตล์ดีพเฮ้าส์ที่ฟังได้เรื่อย ๆ โยกได้ตามชอบก็คงต้องเริ่มจากเครื่องดื่มหอม ๆ เย็น ๆ รสชาติเบา ๆ สีชมพูละมุนก่อนก็แล้วกัน พร้อมกับน้ำเปล่าที่สามารถเลือกได้ว่าจะรับแบบน้ำดื่มธรรมดาหรือแบบมีสปาร์คกลิงวุบวับ เมื่อสั่งเครื่องดื่มไปแล้วก็นั่งเม้ามอยต่อได้!

คุยเพลินจนเกือบลืมสั่งอาหาร เพราะบรรยากาศของร้านริมชายหาดสุดชิล รอบล้อมไปด้วยทัศนียภาพแห่งทะเลอันดามันอันงดงามบนชายหาดกะรน นี่แหล่ะ “ซันเดย์บรันช์ของฉัน”

เมนูของทางร้านจะถูกเสิร์ฟมาในแบบแผ่นกระดาษขนาด 1 ใน 3 ของกระดาษ A4 เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกเมนูอาหารได้ครั้งละ 1 อย่างกันแบบไม่อั้นตลอดระยะเวลาบรันช์ ตั้งแต่เที่ยงตรงยันบ่ายสามโมงกันเลยทีเดียว พร้อมกับเครื่องดื่มองุ่นสุดคลาสสิกสีแดงหรือขาวตามชอบ นอกจากนี้เรายังสามารถเลือกที่นั่งได้ทั้งในร่มและกลางแจ้งตามใจชอบเช่นกัน
จานแรก เริ่มมื้อซันเดย์บรันช์สุดผ่อนคลายริมชายหาดกับ “สลัดปู” Crab salad with avocado and exotic fruits ที่เสิร์ฟในขนาดพอเหมาะ เนื้อปูหอม ๆ ครีมนุ่มที่ผสานกับเนื้อส้มโอได้อย่างลงตัว เพิ่มความกลมกล่อมด้วยอะโวคาโด เป็นจานที่เหมาะมากกับบรรยากาศริมทะเลแบบนี้

กินไปคุยไป เครื่องดื่มก็เสิร์ฟกันแบบต่อเนื่องไม่มีขาดตอน และแล้วก็มาถึงจานที่ 2 นั่นก็คือพาสต้าคลาสสิกย็อคคี หรือ นย็อคคี เสิร์ฟในขนาดน่ารัก จรดดินสอเลือกจาน “Gnocchi alla Parmigianino” นี้ไปก็เพราะความอร่อยของเมนูแรกที่เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ทำให้สมองสั่งการว่า “คาร์โบไฮเดรตต้องมา”

พาสต้าสุดคลาสสิกหอมกรุ่นในซอสมะเขือเทศชุ่มฉ่ำที่วางอยู่ตรงหน้า ชวนให้ทิ่มส้อมลงไปยิ่งนัก สัมผัสแรกที่ “ความนุ่ม” เหมือนเคี้ยวมาร์ชแมลโลว์ระคนกับซอสที่เข้ากันเป็นที่สุด และด้วยความที่มีส่วนผสมของแป้งทำให้ต้องจิบเครื่องดื่มตามลงไปบ้างเป็นจังหวะเพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร จากที่ตอนแรกแอบคิดไปว่าจานนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่รู้ตัวอีกทีก็หมดเกลี้ยงซะแล้ว

ไหน ๆ ก็ออกตัวเริ่มจานแป้งนุ่ม ๆ เพิ่มขีดความหิวกันแล้วก็เอาจริงกันเลยดีกว่ากับเมนูสเต็กแกะแนะนำที่ว่ากันว่า “ห้ามพลาด” และจานที่สามของวันนี้ก็คือ “New Zealand lamb cutlets, roasted vegetables and pesto” สุกกลาง สั่งเนื้อแกะไปแล้วก็ไม่ลืมที่จะขอเปลี่ยนเครื่องดื่มน้ำองุ่นให้เข้าคู่กับสเต็กที่กำลังจะเสิร์ฟในอีกไม่กี่นาทีนี้

ถึงตอนนี้ (ขณะที่กำลังนั่งเขียนบทความ) ก็ยังนึกถึงความเข้มข้นของซอสอยู่เลย ด้วยรสชาติและกลิ่นของเม็ดพริกไทยราดบนเนื้อแกะสุกกลางที่จับคู่กับ “เครื่องดื่มที่คุณคงพอจะเดาได้” ทำให้อยากจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นจองโต๊ะในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ทันที

เปิดด้วยแกะไปแล้ว ไฉนเลยจะไม่ตามต่อด้วยเนื้อสเต็กในแบบ “Medium rare” กับ “Pan-fried tenderloin, sweet potato croquette, garlic comfit cream” ซึ่งชื่อก็บอกเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่ามันคือสเต็กเนื้อสันใน สุกนอกนุ่มในที่เคียงข้างมาพร้อมกับคร็อกเก้มันเทศรสหวานหอมและครีมซอสกระเทียม ตัดเนื้อคำนึงจิบเครื่องดื่มตามจิบนึง ในบรรยากาศริมทะเลบวกเสียงเพลงคลอที่ไม่ดังจนเกินไป ทำให้ตลอดระยะเวลาที่นั่งกันมานานกว่า 2 ชั่วโมงกลายเป็นอีกหนึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพวกเรา

งานเลี้ยงต้องมียามเลิกรา (ที่แม้ว่าใจมันอยากจะสั่งให้ครบหมดทุกเมนู แต่ท้องคงไม่สามารถรับได้) ถึงคราวที่ต้องสั่งของหวานตบท้ายแล้ว เพราะถ้าฝืนสั่งอาหารคาวอีกสักจานเกรงว่าจะพลาดขนมหวานอร่อย ๆ ที่รอให้เลือกอยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นทีรามิสุสุดคลาสสิก, ช็อกโกแลตมูสกับบิสกอตตีถั่ว, ไอศกรีมมะม่วง และแครมบรูเลส้ม

และแล้วก็สั่งของหวานตบท้ายมื้ออาหารแสนอร่อยนี้ด้วย “Classic Tiramisu” พ่วงต่ออีกนิดด้วยกาแฟดำร้อน ๆ หรือถ้าจะเรียกให้อินเตอร์ขึ้นมาหน่อยก็คือ “อเมริกาโน” นั่นเอง สั่งของหวานเสร็จแล้วเม้าต่อได้!

ไม่กี่นาทีต่อมากาแฟอุ่น ๆ หอม ๆ ถูกนำออกมาจากห้องครัวส่งต่อมาที่โต๊ะอาหารริมชายหาดสุดชิล ตามมาติด ๆ ด้วยขนมหวานสุดคลาสสิกสไตล์อิตาลีเสิร์ฟมาในแก้วสีขาวทรงสูง ที่เชฟจูเลียน หัวหน้าพ่อครัวชาวอิตาเลียนมากประสบการณ์ตั้งใจรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน

ทันทีที่จรดช้อนผ่านชั้นต่าง ๆ ของทีรามิสุถ้วยนี้ลงไปก็รู้สึกได้แล้วถึงความนุ่ม ยิ่งเมื่อตักขึ้นมารสชาติแรกที่สัมผัสได้คือความกลมกล่อมที่แยกย่อยออกไปเป็นความหวานมันของครีม รสขมนิด ๆ ของกาแฟ และความหอมของโกโก้ และยังมีความนุ่มของบิสกิตอีกด้วย เรียกได้ว่า “ครบรสในคำเดียว” มิน่าล่ะ! มันถึงมีคำพูดที่ว่ากันว่า “ไม่ว่าท้องจะอิ่มขนาดไหนคุณก็จะมีที่ว่างสำหรับของหวานเสมอ”

ครบถ้วนและสมบูรณ์กับซันเดย์บรันช์มื้อนี้ด้วยคำจำกัดความที่ว่า “อาหารอร่อย เครื่องดื่มดี เพื่อนที่รู้ใจ เพลงลื่นหู กับความหรูที่เป็นส่วนตัวริมหาดกะรน”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่