เตรียมเคลื่อนย้าย Lady D สบทช.9 แจ้งความร้องทุกข์ทำลายปะการัง

ภูเก็ต – ทีมงานเตรียมเคลื่อนย้าย Lady D ซูเปอร์ยอช์ทความยาว 55 เมตร ออกจากจุดจอดเรือปัจจุบันที่บริเวณเกาะทนาน ในฝั่งตะวันออกของเกาะภูเก็ต ภายหลังจาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากผลสำรวจพบว่าใต้ท้องเรือหรูลำดังกล่าว มีแนวปะการังได้รับความเสียหายประมาณ 20 ตารางเมตร

ธัญลักษณ์ สากูต

วันพฤหัสบดี ที่ 22 สิงหาคม 2562, เวลา 11:29 น.

จ่าเอกสนธยา ประไพทรัพย์ เจ้าพนักงานประมงอาวุโส ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 (ภูเก็ต) กล่าวกับ The Phuket News วานนี้ (21 ส.ค.) ว่าตนและเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง เพื่อบันทึกเป็นหลักฐานถึงความเสียหายของแนวปะการัง

สืบเนื่องจาก เหตุเพลิงไหม้เรือซูเปอร์ยอช์ทเลดี้ ดี ขณะจอดที่ท่าเทียบเรืออ่าวปอแกรนด์มารีน่า เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งจุดที่เรือเกิดเพลิงไหม้แวดล้อมไปด้วยเรือที่มีมูลค่าสูงจำนวนมากจอดอยู่ และจุดที่เรือลำน้ำจอดอยู่เป็นจุดที่มีหัวจ่ายปั๊มน้ำมัน ประกอบกับในเรือลำเกิดเหตุซึ่งได้รับแจ้งว่ามีน้ำมันอยู่ราว ๆ 150,000 ลิตร ทางจังหวัดจึงสั่งการให้ชักจูงเรือลำเกิดเหตุออกไปกลางทะเลยังเกาะทะนาน ซึ่งเป็นจุดที่มีความปลอดภัยไม่กีดขวางทางเดินเรือ เพื่อป้องกันอันตรายกับเรือลำอื่น ๆ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

ล่าสุดทาง ทช.ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและพบว่ามีปะการังได้รับความเสียหายประมาณ 20 ตารางเมตร จึงแจ้งความร้องทุกข์ใว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ถลาง ภายหลังจากกู้เรือเสร็จเรียบร้อย ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่ตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้งร่วมกับศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามัน เพื่อประเมินความเสียและแจ้งความดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

จ่าเอกสนธยา กล่าวว่า ทช.เป็นห่วงแนวปะการังรอบ ๆ บริเวณที่จอดเรือ ดังนั้นเราจึงได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุและพบว่ามีปะการังที่อยู่ใต้ท้องเรือได้รับความเสียหาย จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ใว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ถลาง ต่อ พ.ต.ต.วุฒิชัย แก้วทอง สารวัตรสอบสวน สภ.ถลาง ไว้แล้วในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม จ่าเอกสนธยาระบุว่ายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะดำเนินคดีกับใคร จนกว่าจะมีการกู้เรือเสร็จสิ้นและทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปตรวจสอบร่วมกันอีกครั้ง เพื่อประเมินความเสียหายและดำเนินคดีตามมาตรา 16 พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ที่ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดล่า หรือพยายามล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ความผิดในมาตรา 16 ได้รับการยกเว้นทางกฎหมาย ในกรณีที่เป็นการกระทำโดยทางราชการที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 26 หากเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ในการสำรวจ การศึกษาและวิจัยทางวิชาการ การคุ้มครองสัตว์ป่า การเพาะพันธุ์ หรือเพื่อกิจการสวนสัตว์สาธารณะ ซึ่งกระทำโดยทางราชการ และโดยได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และต้องปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐมนตรีกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ (อ่าน พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ฉบับเต็ม คลิก)

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่