นางธันยรัศม์ ผู้ซึ่งเคยดำรงดำแหน่งคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวและวุฒิสภา ได้กล่าวกับสื่อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐในท้องที่ภูเก็ตได้ใช้อำนาจของกฎหมายในการข่มขู่เรียกเงินจากลูกจ้างชาวต่างชาติ และแรงงานต่างด้าว และตนเองได้รับเรื่องร้องทุกข์จำนวนมากจากผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว
“ตัวแทนบริษัทนำเที่ยวขนาดใหญ่ของชาวสแกนดิเนเวียนที่ได้พานักท่องเที่ยวจำนวนมาก มาเที่ยวเกาะแห่งนี้แจ้งว่า พนักงานชาวต่างชาติที่มีใบอนุญาตทำงานได้ถูกข่มขู่จากเจ้าหน้าที่อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญเช่น หาดกะตะ กะรน และป่าตอง” นางธันยรัศม์กล่าว
“เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตทำงานของชาวต่างชาติซ้ำๆ และมักจะกระทำการตรวจชาวต่างชาติเหล่านั้นให้ในวันศุกร์ ถึงแม้ว่าชาวต่างชาติเหล่านั้นจะยืนยันว่าพวกเขามีใบอนุญาตทำงาน แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันว่าจะพาพวกเขาไปยังสถานีตำรวจเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม” อดีต สว. กล่าวเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่เลือกที่จะปฏิบัติงานในวันศุกร์เนื่องจากเป็นการยากที่ชาวต่างชาติจะสามารถหาเงินมาประกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการที่ต้องใช้ชีวิตในห้องขังเป็นเวลา 2 วัน (เสาร์-อาทิตย์)
“ถ้าพวกเขาไม่อยากไปสถานีตำรวจ พวกเขาต้องจ่ายเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท” นางธันยรัศม์กล่าว
ด้านนางสาวรตนพร พรหมชู ผู้จัดการสมาคมกีฬาดำน้ำแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวเตือนในฐานะผู้เกี่ยวข้องกับกิจการดำน้ำภูเก็ตว่า การข่มขู่ เรียกรับเงินจากพนักงานต่างชาติจะทำลายการเจริญเติบโตหลายด้านในอุตสาหกรรมดำน้ำของภูเก็ต
นางธันยรัศม์ ยังได้กล่าวถึงปัญหาการเรียกรับเงินจากต่างด้าวที่ทำงานนอกพื้นที่ที่ระบุในใบอนุญาตทำงาน ซึ่งบางรายมีความจำเป็นต้องออกไปนอกพื้นที่เนื่องจากรายละเอียดของงาน
“เจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาว่าเรียกร้องเงินเป็นจำนวน 5,000 บาท จากแต่ละคนในการแลกเปลี่ยนเพื่อทำให้ข้อกล่าวหานั้นตกลงไป” นางธันยรัศม์ กล่าว
อดีต สว. ยังเสริมอีกว่า เจ้าหน้าที่ได้เอาป้ายชื่อของเขาออกในขณะที่ทำการเรียกรับ และยังยึดเอาโทรศัพท์ของคนงานจึงทำให้ขาดหลักฐานประกอบการร้องเรียน ทั้งยังบอกกับเหล่าคนงานว่านายสั่งพวกเขาให้ทำงานนี้
นอกจากนั้นยังมีตัวแทนนำเที่ยว ร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐเรียกร้องเงินเป็นจำนวน 200 บาทจากนักท่องเที่ยวแต่ละท่านที่ต้องการดำเนินเรื่องอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอคิวเป็นชั่วโมงที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต รวมไปถึง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินยังได้เพิ่มรายได้เข้ากระเป๋าโดยการขายซิมการ์ดให้กับนักท่องเที่ยวอีกด้วย
นางธันยรัศม์กล่าวว่า ตนแจ้งเกี่ยวกับปัญหาทั้งหมดได้แจ้งให้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงในจังหวัดรับทราบแล้ว และทางผู้ประกอบการบางรายได้ร้องเรียนผ่านทางกงสุลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ปัญหาเหล่านี้กระทบกับภาพรวมธุรกิจแลของจังหวัดภูเก็ตในวงกว้าง และแน่นอนว่าต้องกระทบกับชื่อเสียงของจังหวัด ทุกฝ่ายจะต้องมาหาทางออกร่วมกัน
เนื่องจากเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาที่สำคัญ ตนจึงได้แจ้งรองประธานสถาบันนิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ทราบแล้ว และจะมีการส่งคณะกรรมาธิการด้านแรงงานลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการของ สนช. ที่ทำงานเกี่ยวกับแรงงานจะถูกส่งไปตรวจสอบในเรื่องนี้” นางธันยรัศม์กล่าวให้ความมั่นใจ
ล่าสุด วันนี้ (1 ก.พ.) พล.ต.ท เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 ย้ำว่าได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และได้สั่งการให้ พล.ต.ต. ธีระพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวและปฏิเสธในการให้ความเห็นเพิ่มเติม ในเรื่องดังกล่าว ในขณะที่เดียวกันข่าวภูเก็ต พยายามติดต่อไปทาง พล.ต.ต. ธีระพล แต่ยังไม่ได้คำตอบในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
