นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน ได้ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบที่ดินโรงแรมศรีพันวา พบว่า มีที่ดินรวมกว่า 63 ไร่ 2 งาน เป็นโฉนด 2 แปลง ที่เหลือเป็น นส.3ก. ที่ดินทั้งหมดเดิมเป็นของประชาชนและมีการซื้อขายอย่างถูกต้อง โดยโครงการศรีพันวาได้เข้าซื้อที่ดินในช่วง ปี 2546 , 2558 และ 2559
ขณะที่จากการตรวจสอบข้อมูลแผนที่ พบว่า ที่ดินทั้งหมดไม่ได้อยู่ในเขตป่าไม้แต่อย่างใด ส่วนกรณีพื้นที่เป็นภูเขา มีความลาดชันนั้น พบว่ามีความลาดชันจริง แต่ที่ดินดังเป็นของประชาชนที่มีการครอบครองก่อนการประกาศบังคับใช้กฎหมายควบคุมเขตเขาและเขตลาดชัน ทำให้ประชาชนได้สิทธิในการครอบครองพื้นที่ดังกล่าว
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ยืนยันว่า ที่ดินโครงการศรีพันวาไม่ได้อยู่ในพื้นที่อนุรักษ์หรือพื้นที่ป่า โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากป่าสงวน 3 กิโลเมตร ฉะนั้นโอกาสที่พื้นที่จะคาบเกี่ยวกันจึงไม่มี ส่วนการออกเอกสารสิทธิ์ครอบครองที่ดินนั้น กรมป่าไม้ไม่เกี่ยวข้อง เนื่องจากอยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาที่ดิน
ด้านนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ได้ตรวจสอบที่ดินโครงการศรีพันวาแล้วโดยตรวจเอกสารสิทธิต่าง ๆ ประกอบกับที่ดินจังหวัดภูเก็ต รายงานว่า โครงการศรีพันวามีเอกสารสิทธิในส่วนที่เป็นโฉนดที่ดิน และน.ส.3 ก ถูกต้อง จึงมอบหมายให้ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ตไปประชุมชี้แจงที่รัฐสภาวันนี้
กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในโครงการศรีพันวาได้ทราบจากข่าวยังไม่มีการประสานงานมาเรื่องการตรวจสอบถือเป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีข้อสงสัยต่างๆขึ้นมา ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจจริงจากหน่วยงานที่กี่ยวข้องเพื่อทำให้ความจริงปรากฎ
แหล่งข่าวจากสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ที่ตั้งของโรงแรมศรีพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต มีเอกสารสิทธิถูกต้อง น.ส.3 ก. 6 แปลงเนื้อที่รวม 50 ไร่ และโฉนด 2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 5-6 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 56 ไร่ ที่ดินทั้งหมดไม่ได้อยู่ในที่ดินของรัฐทุกประเภทและไม่ทับซ้อนหน่วยงานใด
อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก