หนุ่มอเมริกันเข้าร่วมทีมอาสาตำรวจ ลบภาพบาดหมางกรณีคลิปทวงถามปรับผม 1 พันเพื่อ

ภูเก็ต – ชายหนุ่มชายอเมริกันอายุ 34 ปี ที่ปรากฏในคลิปถึงการทวงถามเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ป่าตอง หลายต่อหลายครั้ง กับคำถามเดิม ๆ ว่าปรับเขาเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาท เพราะอะไรมีเหตุผลอะไร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวจะตะโกนบอกว่า “ไป” พร้อมผลักให้ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวให้เดินจากไป และหยุดการถามคำถามซ้ำซาก ซึ่งไม่มีคำตอบให้เห็นจากคลิปความยาวประมาณ 3 นาที ดังกล่าว

ข่าวภูเก็ต

วันอังคาร ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562, เวลา 11:45 น.

โดยคลิปที่ถูกโพสต์นั้นมีข้อความจากหญิงสาวชาวไทยระบุว่าชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บจากการถูกชกจนตาซ้ายแดง และมีใบรับรองแพทย์ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันจนเข้าใจ โดยให้เหตุผลว่าเกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาด จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาในครั้งนี้

หลังทราบเรื่อง พ.ต.อ. อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง ก็ได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริง และได้เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวกับ The Phuket News ว่าชาวต่างชายติคือ นายหลุยส์ นาวา ขับรถย้อนศรมุ่งถนนวันเวย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจในคลิป คือ ร.ต.อ. ภิรมย์ ศรีสุวรรณ ตำแหน่ง รอง สว.จร.สภ.ป่าตอง ได้สั่งให้นายหหลุยส์หยุดรถก่อนที่จะขับเข้าไปในเส้นทางวันเวย์ และพยายามอธิบายให้นายหลุยส์รู้ว่าทางเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องกลับไปยังสภ.ป่าตอง และเกิดเป็นความเข้าใจผิดดังกล่าว

ในส่วนของเพจเฟซบุ๊ก สถานีตำรวจภูธรป่าตอง ก็ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อชี้แจงต่อประชาชน ระบุว่าเป็น "กรณีเหตุการณ์เกิดการเข้าใจผิดระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ"

ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวสารและภาพ ในสื่อสังคมออนไลน์ กรณีชาวต่างชาติกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ป่าตอง เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 02.00 น. ซึ่งต่อมาได้มีประชาชนผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หลายคนให้ความสนใจ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นและทัศนคติที่ไม่ดีต่อการปฏิบัติ หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ส่งข้อมูลดังกล่าวต่อ ๆ กัน จนเป็นที่แพร่หลายโดยทั่วไปนั้น ทางสถานีตำรวจภูธรป่าตอง ได้เร่งดำเนินการ เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งที่ถูกกล่าวถึงในข้อความและในภาพ มาสอบถามข้อเท็จจริง เพื่อสร้าง ความสบายใจให้กับทุกฝ่ายและประชาชนผู้สนใจ

ซึ่งปรากฏว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต่างเห็นว่า กรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั้น สาเหตุมาจากการ สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดการเข้าใจผิด จึงได้แสดงความขอโทษ ให้อภัยซึ่งกันและกัน โดยต่อมาได้มีการเผยแพร่ ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ที่ใช้ชื่อว่า “ส.ท.แพรว วลัยพัชร รวมสุวรรณพงศ์” อธิบายถึงสาเหตุที่เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นว่า "เป็นการเข้าใจผิดกันในการสื่อสารภาษาอังกฤษระหว่างคู่กรณี และต้องการให้สื่อสังคม ออนไลน์ที่เผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในกรณีนี้ แก้ไขข้อมูลที่ถูกต้องให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบภายใน 24 ชั่วโมง"

และนายหลุยส์ ได้สมัครเป็น อาสาสมัครตำรวจของ สภ.ป่าตอง เพราะต้องการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในกิจการที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ เพื่อลดปัญหาการสื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ป่าตอง

เพจสถานีตำรวจภูธรป่าตอง ระบุต่อท้ายอีกว่า ทางสถานีตำรวจภูธรป่าตอง "ยืนยันที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวของป่าตอง ในความสวยงาม ความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั่วโลก" 

ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ ส.ท.แพรวฯ ซึ่งเป็นผู้โพสต์ก็ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามากล่าวขอโทษและนายหลุยส์มิได้ติดในเอาความ โดยเธอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เหตุพิพาทเกิดเหตุบริเวณโรงเรียนบ้านไสน้ำเย็น ถ.สวัสดิรักษ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ นายหลุยส์ได้สอบถาม ร.ต.อ. ภิรมย์ ถึงเหตุผลในการปรับ ซึ่งเธอเองได้เล่าว่า ค่าปรับที่เกิดขึ้นนั้นสืบเนื่องจากหลุยส์ (ผู้โพสต์ระบุภายหลังว่าได้พักอาศัยอยู่ภูเก็ตมาปีกว่า) ได้ขับรถจักรยานยนต์สวนไปทาง One way เป็นการกระทำผิดกฎหมายจราจร และผู้กระทำผิดก็ยอมรับแต่เนื่องจากเกิดการเข้าใจผิดกันในการสื่อสารภาษาอังกฤษระหว่างคู่กรณี

อย่างไรก็ตาม หลังจากการพูดคุยตกลงกันจนเข้าใจทั้งสองฝ่ายแล้ว เธอเองก็ได้กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ. อโณทัย ที่ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือและไกล่เกลี่ยเรื่องให้เป็นไปด้วยดี ไม่เพิกเฉยต่อการประสานงานของผู้หญิงคนภูเก็ตอย่างเธอ และยินดีที่ ทาง สภ. ป่าตอง ได้เชิญนายหลุยส์เข้าเป็นอาสาสมัครและออกลาดตระเวนปฏิบัติหน้าที่กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขตป่าตอง

ในส่วนของนายหลุยส์เองก็ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า “ผมยอมรับว่าเลี้ยวผิดโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมไม่ไม่สมควรถูกตี อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวคำขอโทษแล้ว และขอให้ผมช่วยเป็นอาสาสมัครตำรวจ ซึ่งผมก็ยอมรับข้อเสนอนั้น”

“ผมดีใจที่เห็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามและเห็นทุกคนเข้าใจในเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น” เขากล่าว

เพิ่มเติม : อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการเสนอข่าวออกไปนั้น นายหลุสย์ก็ได้ติดต่อเข้ามาที่ The Phuket News (อ่านเพิ่มเติม คลิก) โดยตรงพร้อมแจ้งว่าตนเองได้ขอยกเลิกการเป็นอาสาสมัครตำรวจแล้ว

“ผมรู้สึกว่าการเข้ามาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการให้บริการสาธารณะ มันไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการจริง ๆ เพราะก่อนเกิดเรื่องผมก็มีความสุขกับชีวิตดี และแน่นอนว่าการทำงานนี้ก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้นในแบบที่ผมต้องการแต่อย่างใด ประกอบกับเหตุผลอื่น ๆ ที่ทำให้ผมตัดสินใจไม่ขอร่วมงานในฐานะอาสาสมัครอีกต่อไป สิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้เกียรติเพื่อนของผมและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ให้ความช่วยเหลือและกล่าวคำขอโทษ ผมหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ” นายหลุยส์กล่าว

 

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่