หญิงสาวส่งข้อความหาพ่อที่จากไปทุกวันตลอด 4 ปี ได้รับข้อความตอบกลับสุดซึ้ง

สหรัฐอเมริกา - หญิงสาวรายหนึ่งจากรัฐอาร์คันซอ ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา แชร์ประสบการณ์สุดซาบซึ้งบนโลกโซเชียล ภายหลังจากที่เธอส่งข้อความหาคุณพ่อผู้ล่วงลับของเธอเป็นประจำทุกวัน นับตั้งแต่ที่ท่านได้จากเธอไป และแล้ววันหนึ่งเธอก็ได้รับข้อความตอบกลับสุดซึ้งจากปลายทาง ก่อนจะถึงวันครบรอบ 4 ปีที่ท่านได้จากเธอไป

ข่าวภูเก็ต

วันอาทิตย์ ที่ 10 พฤศจิกายน 2562, เวลา 09:00 น.

แคสทิตีและหลานสาวคนสวยของเธอ ภาพ เฟซบุ๊ก Chastity Patterson

แคสทิตีและหลานสาวคนสวยของเธอ ภาพ เฟซบุ๊ก Chastity Patterson

ผู้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ที่พ่อของเธอเคยใช้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ แนะนำตัวเองว่าเขาคือ “คุณพ่อที่เพิ่งสูญเสียลูกสาวจากอุบัติเหตุทางถนน” และข้อความที่เธอได้เฝ้าส่งตลอดระยะหลายปี คือน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงชีวิต ทำให้เขาสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้บนโลกใบนี้

แชสทิตี แพทเทอร์สัน แบ่งปันภาพสกรีนช็อตข้อความบนโทรศัพท์ ที่เธอได้ส่งไปยังเบอร์เก่าของพ่อผู้ล่วงลับ เพื่อแสดงความขอบคุณ และบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากที่พ่อเสียไป ไม่ว่าจะเป็นการจบการศึกษา อกหัก พบรักครั้งใหม่ และการเอาชนะโรคมะเร็งร้าย ซึ่งเธอต้องผ่านมันมาอย่างยากลำบาก จนทำให้เธอเป็นเธอในวันนี้

แต่มาคราวนี้! แทนที่ปลายทางของข้อความจะตอบรับคำพูดของเธอด้วยความเงียบงันเหมือนเช่นที่ผ่านมา คนที่ใช้เบอร์เก่าของพ่อเธอตัดสินใจตอบข้อความกลับมาหาเธอ และนั่นมันคือสัญญาณแสนวิเศษที่เธอได้รับและทำให้เธอบอกกับตัวเองว่า มันถึงเวลาที่เธอจะปล่อยให้พ่อพักผ่อนได้แล้ว

ข้อความบางส่วนของแชสทิตีถึงคุณพ่อในโอกาสครบรอบ 4 ปีที่พ่อจากไปเขียนว่า “พรุ่งนี้จะเป็นวันอันแสนยากลำบากอีกครั้ง นับเป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่หนูสูญเสียพ่อไป ไม่มีวันไหนที่หนูไม่คิดถึงพ่อ ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย แต่หนูรู้ว่าพ่อได้รับรู้ทุกเรื่องราวอยู่แล้ว เพราะหนูได้บอกเล่าทุกเรื่องราวให้พ่อฟังตลอดเวลา...”

“หนูขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับพ่อที่ตรงนั้น ในวันที่พ่อต้องการหนูมากที่สุด แต่ก็หวังว่าวันหนึ่งเราจะมีโอกาสได้นั่งดูเกมนั้นด้วยกัน! หนูกลัวการแต่งงานเอามาก ๆ เพราะหนูรู้ว่าหนูต้องเดินไปบนทางเดินยาวแห่งนั้นเพียงลำพัง และพ่อจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพื่อบอกหนูว่า “ทุกอย่างจะโอเค”

“ชีวิตตอนนี้ดีมาก เชื่อว่าพ่อต้องภูมิใจในตัวหนู ที่วันนี้ลูกสาวของพ่อได้เติบโตมาเป็นผู้หญิงคนนี้ แค่อยากจะบอกว่าหนูรักพ่อและคิดถึงพ่อมากจริง ๆ”

ข้อความการตอบจากชายแปลกหน้านามว่า “แบรด” ส่งกลับมาหาเธอด้วยการแนะนำตัวเอง ว่าเขาไม่ใช่คุณพ่อของเธอ ก่อนที่เขาจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง พร้อมกับยอมรับว่าข้อความตัวอักษรรายวันที่ถูกส่งมาจากแชสทิตีนั้นคือ “น้ำทิพย์หล่อเลี้ยงชีวิต” มันคือสิ่งที่ทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ได้ ภายหลังจากการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของลูกสาวจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อห้าปีก่อน

แบรดแนะนำตัวเองผ่านตัวอักษรว่า “สวัสดีที่รัก ผมไม่ใช่พ่อของคุณ แต่ผมได้รับข้อความทั้งหมดของคุณ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา” จากนั้นเขาก็ได้สาธยายถึงการสูญเสียลูกสาวในปี 2014 พร้อมเรียกข้อความจากเธอทั้งหมดว่าเป็น ‘ข้อความจากพระเจ้า’ เขากล่าวต่อไปอีกว่า “ต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียบุคคลชิดใกล้ ทั้งนี้ผมได้รับฟังข้อความจากคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมา และผมเองก็ได้เฝ้ามองคุณเติบโตขึ้น และฝ่าฟันเรื่องราวต่าง ๆ มากมายกว่าใครหลายคน”

แบรดอธิบายให้เธอได้รับทราบว่า เหตุผลเดียวที่เขาไม่ได้ตอบข้อความของเธอก่อนหน้านี้ ก็เพราะเขาไม่ต้องการจะทำให้เธอเสียใจ ซึ่งแบรดเองก็ได้กล่าวถึงเธอว่าเป็น ‘ผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา’ ก่อนที่เขาจะพูดต่อไปว่า เขาหวังให้ลูกสาวของเขาได้มีโอกาสเติบโตมาเป็น “ผู้หญิงในแบบเธอ”

ภายหลังจากที่แชสทิตีได้โพสต์ภาพจากหน้าจอโทรศัพท์ (25 ต.ค.) ก็พบว่ามีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นมากกว่า 180K คอมเม้นต์ 23K และแชร์ออกไปมากกว่า 310K ผู้ใช้เฟซบุ๊กต่างก็เข้าไปให้กำลังใจและหลายคนยอมรับผ่านสื่อโซเชียลว่า พวกเขาไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย หลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวของเธอ

ทั้งนี้ ข่าวภูเก็ต ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งแชสทิตีและแบรดผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบากนี้ไปให้ได้ และมีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่กับความทรงจำอันสวยงามของบุคคลอันเป็นที่รักของทั้งคู่

ภายหลังจากโพสต์ของเธอได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย แชสทิตีได้โพสต์แสดงความขอบคุณทุกคน ที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องราวของเธอ เธอขอโทษที่ทำให้หลายคนต้องร้องไห้ เธอให้กำลังใจกับทุกคนที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พร้อมกับตอบข้อสงสัยหลายข้อผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนจะโพสต์ข้อความอธิบายเรื่องราวของชายที่ชื่อเจสัน ไลกอนส์ บุคคลที่เธอเรียกว่า “พ่อ”

แชสทิตีเล่าว่า่า “เจสัน” ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเธอ แต่สายเลือดไม่ได้มีผลกับความรักที่เธอมีให้กับเขา เธอรู้จักเขามาตลอดชั่วชีวิตของเธอ นับตั้งแต่วันที่เธอโตพอจะไปเล่นที่ลานสเก็ตได้ เธอไปเล่นที่นั่นทุกสุดสัปดาห์ แต่เธอตัวเล็กเกินกว่าที่จะลงไปเล่นสนุกกับพวกกับเด็กโต จากนั้นเจสันอนุญาตให้เธอได้ทำงานหลังบาร์ขนมกับเขา เพื่อจะได้ดูแลไม่ให้เธอคลาดสายตา และรับเธอลงไปเล่นสเก็ตทุกสัปดาห์ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามันกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในชีวิตเธอ

“ตอนนั้นฉันกำลังเรียนอยู่เกรด 6 เราเข้าเมืองไปซื้อของเพื่อเตรียมขายช่วงสุดสัปดาห์ เขาบอกว่าจะแนะนำฉันให้รู้จักกับเพื่อนของเขา และไม่ให้ฉันพูดอะไรมาก… เขาแนะนำว่าฉันเป็น‘ลูกสาว’ของเขา จากวินาทีนั้นเป็นต้นมา เขาคือ‘พ่อ’ของฉัน” เธอกล่าว

เธอเล่าถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับเจสันต่อไปอีกว่า เขาไม่เคยพลาดงานโรงเรียนแม้แต่ครั้งเดียว และยังได้สั่งสอนเธอเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและปรับทัศนคติ “ฉันต้องแนะนำแฟนให้เขารู้จัก เพื่อจะดูว่าได้รับอนุญาตให้เดทหรือไม่ ฉันเล่าให้เขาฟังทุกเรื่อง เขาสละเวลาและมอบความรักให้กับฉัน ทำให้รู้ว่าความสุขคืออะไร เจสันคือพ่อของฉัน และเขาเองยังเป็นตัวอย่างที่ดีของเด็ก ๆ ในเมืองอีกด้วย”

แชสทิตีเล่าว่าเธอเติบโตมาในเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรให้เด็กทำมากนัก และเธอเองก็เป็นหนึ่งในเด็กผิวสีจำนวนมาก ที่พ่อแม่ต้องทำงานสองหรือสามงาน เพื่อให้ได้ไปเล่นที่ลานสเก็ตดังกล่าว ที่ซึ่งพวกเด็ก ๆ ได้รู้จักกับเจสัน เขาอยู่ที่นั่น ปกป้องและพาเด็กเล่น อนุญาตให้พ่อแม่จัดปาร์ตี้วันเกิดที่นั่น เขาเข้าไปพูดคุยและดูแลเด็ก ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง

“ฉันขอขอบคุณทุกคนสำหรับคำพูดแสนดีต่อใจและการแบ่งปันเรื่องราวของฉัน ฉันไม่เคยคิดหวังว่าจะมีคนให้ความสนใจมากมายเพียงนี้ ฉันอยากจะบอกทุกคนให้รู้ว่าปีนี้เป็นปีที่ดีกว่าที่ผ่านมา และฉันรู้สึกดีขึ้นมาก ณ ตอนนี้ฉันได้เรียนรู้แล้วว่า โลกไม่จำเป็นต้องรับรู้ทุกเรื่องราว นอกจากนี้ฉันยังได้รับรู้ว่าในโลกใบนี้ยังมีผู้คนที่มีจิตใจโหดร้ายอยู่มาก แต่สำหรับทุกคนที่ได้สิ่งมอบสิ่งดี ๆ ถ้อยคำอันแสนอบอุ่นและกำลังใจมาให้ ฉันขอน้อมรับไว้ด้วยหัวใจ และขอบอกว่าตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตของฉันโอเคดี และการโศกเสร้าเสียใจก็ไม่ใช่เรื่องผิด... ขอบคุณมาก ๆ” แชสทิตี กล่าว

“ฉันไม่ได้แบ่งปันเรื่องราวในชีวิตเพื่อหวังอะไรตอบแทน และฉันไม่ได้แชร์ออกไปเพราะอยากมีพ่อ เพราะพ่อแท้ ๆ ของฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันได้แชร์เรื่องราวนี้ให้กับเพื่อน ๆ และครอบครัว เพื่อให้พวกเขาได้เห็นว่า พระเจ้ามีอยู่จริง ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลายาวนานถึง 4 ปีเต็มก็ตาม!

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่