สลดส่งปีใหม่ รถตู้ขับไปกลับ 5 รอบ 31 ชม. ย่างสด 24 ศพ

เกิดอุบัติเหตุตายหมู่สยองส่งท้ายปีใหม่ที่บ้านบึง ชลบุรี รถตู้สายกทม.-จันทบุรี คาดคนขับหลับใน ขับข้ามเลยพุ่งชนประสานงารถกระบะ ย่างสดเสียชิวิต 25 ศพ

เปรมกมล เกษราโพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดี ที่ 5 มกราคม 2560, เวลา 15:37 น.

สลดส่งท้ายเทศกาลปีใหม่ รถตู้ขับไปกลับ 5 รอบภายใน 31 ชั่วโมง ประสานงากระบะ ย่างสด 25 ศพ

สลดส่งท้ายเทศกาลปีใหม่ รถตู้ขับไปกลับ 5 รอบภายใน 31 ชั่วโมง ประสานงากระบะ ย่างสด 25 ศพ

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2560 เวล 14.00 น. ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสาย 344 ม.1 ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ฝั่งขาเข้าจังหวัดระยอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบ้านบึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านบึง ได้รุดไปที่เกิดเหตุ พบไฟกำลังลุกโหมท่วมรถตู้โดยสารสายกทม.-จันทบุรี หมายเลขทะเบียน 15-1352 หทม. ชนอัดก็อปปี้กับรถกระบะหมายเลขทะเบียน 1ฒ 2483 สภาพพังยับเยินทั้งสองคัน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดับไฟและนำผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิตที่มากับรถกระบะสองคนส่งโรงพยาบาล

เบื้องต้นพบว่าผู้โดยสารพร้อมคนขับรถตู้ถูกไฟไหม้เสียชีวิต 13 ศพ ส่วนผู้โดยสายในรถกระบะเสียชิวิต 11 ศพ รวมทั้งหมด 24 ศพ จากการสอบถามนายธงชัย ผู้โดยสารที่นั่งมากับรถตู้โดยสาร เล่าว่า ตนขึ้นรถมาจากจันทบุรี เพื่อจะเข้ากรุงเทพมหานคร โดยนั่งหลังติดกับกระจกรถ ในช่วงนั้นผู้โดยสารกำลังหลับสนิท ส่วนตนเองก็นั่งหลับๆตื่นๆ พอรถมาถึงที่เกิดเหตุ จู่ๆรถก็เสียหลักเลี้ยวกระทันหันข้ามเลน ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเปลวไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ตนเองยังมีสติและได้กลิ่นแก๊ส และบังเอิญกระจกด้านข้างแตก จึงใช้เท้าถีบกระจกพยายามหนีออกมานอกรถอย่างรวดเร็ว ส่วนคนอื่นไม่รู้สึกตัวถูกไฟคลอกเสียชีวิตจนหมด ส่วนตนเองได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า แขน ถูกกระจกบาด และที่ผมถูกไฟไหม้เล็กน้อย ซึ่งรอดตายมาได้แบบหวุดหวิด

ขณะที่นางปราณี ผู้รอดชีวิตอีกคนจากรถกระบะยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เล่าว่า ตนเองกับครอบครัวและญาติๆไปไหว้หลวงพ่อโสธร ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และกำลังเดินทางไปบ้านสามีที่จังหวัดจันทบุรี มีเด็กเดินทางมาด้วย 2 คน ตนเองนั่งหลังกระบะ ระหว่างทางทุกคนก็หลับๆตื่นๆ จู่ๆรถตู้โดยสารพุ่งข้ามเลนมาชนเข้าอย่างแรงและเกิดไฟไหม้ลามมาติดรถกระบะ ทำให้ตนเองกระเด็นตกลงมา แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นายบรรชา ปานนัม ผู้เเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเห็นรถตู้ขับมาจากแยกแกลง มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพ ขับพุ่งข้ามเลนไปชนประสานกับรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารมาเต็มคัน หลังจากนั้นควันไฟก็พุ่งโหมไหม้ทั้งคัน หลังเกิดอุบัติเหตุ

นายพรศักดิ์ ไทยเจียมอารีย์ ขนส่งจันทบุรี เปิดเผยว่า การการตรวจสอบพบว่า รถตู้คันดังกล่าวเป็นรถตู้โดยสารประจำทาง ลัษณะ ม.2 (จ) มีการตรวจสภาพเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2559 และตรวจโดยสำนักงานขนส่ง กรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 และเป็นรถตู้ร่วมกับบริษัท ขนส่ง จำกัด หมวด 2 สายที่ 9907 กรุงเทพ-จันทบุรี พนักงานขับรถคือนายสมุน เอี่ยมสมบัติ และรถตู้คิวนี้เป็นของ หจก.พลอยหยอก มีนางสาววาสนา จันทร์เอี่ยม เป็นกรรมการผู้จัดการ นายพรศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้โดยสารทั้งหมด 14 คน มาขึ้นรถโดยสารที่คิวหน้าห้างโรบินสัน ตลาดมหาราช และออกจากคิวในเวลา 11.00 น.เพื่อมุ่งสู่กรุงเทพฯ ตามถนนสาย 344(ชลบุรี – อ.แถลง) แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณหลักกม.ที่ 25-26 ที่ ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี รถตู้โดยสารเกิดการเสียหลัก ทำให้ตัวรถพุ่งข้ามไปยังถนนฝั่งตรงข้าม เกิดการเฉี่ยวชนอย่างรุนแรงกับรถกระบะที่มีผู้โดยสารนั่งมาด้วยจำนวน 12 คน ทำให้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 24 คน “รถตู้คันที่เกิดเหตุไม่ได้เข้าสถานีขนส่งผู้โดยสารจ.จันทบุรี ทำให้สถานีขนส่งจ.จันทบุรีที่ตั้งหน่วยดูแลในช่วงเทศกาลไม่สามารถตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารและและพนักงานขับรถตู้ได้ ซึ่ง หจก.พลอยหยก เป็นผู้เข้าร่วมเดินรถกับบริษัทขนส่ง จำกัด แต่ได้รับการยืนยันจากนางสาววาสนา จันทร์เอี่ยม ว่าได้ทำการตรวจสารเสพติดจากพนักงานขับรถตู้แล้ว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า พนักงานขับรถตู้ ได้เริ่มขับรถตู้ในวันที่ 1 มกราคม เที่ยวแรกออกจากจ.จันทบุรี เวลา 04.00 น. เที่ยวสอง ออกจากกรุงเทพ เวลา 11.30 น. และเที่ยวสาม ออกจากจันทบุรี เวลา 18.00 น. (ถึงกรุงเทพ เวลา 22.30 น.) และวันที่ 2 มกราคม 2560 เที่ยวแรกออกจากกรุงทพ เวลา 05.00 น. และเที่ยวที่สอง ออกจากจันทบุรี เวลา 11.30 น. และมาประสบอุบัติเหตุในที่สุด”

นายพรศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า "เป็นที่น่าสังเกตว่า คนขับรถตู้ต้องทำหน้าที่ขับรถตู้ 5 เที่ยว ในช่วงเวลา 31 ชม.เป็นอย่างน้อย ซึ่งควรจะได้รับการพักผ่อนมากกว่านี้ และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทั้งนี้ ทางสำนักขนส่งจ.จันทบุรี จะได้เข้าตรวจสอบการดำเนินธุรกิจที่คิวรถในตลาดมหาราช หน้าห้างโรบินสัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ ส่วนการที่ไม่นำรถโดยสารเข้าไปใช้ในสถานีขนส่งจ.จันทบุรี

โดยในขณะนี้ได้ประสานให้บริษัท ขนส่ง จำกัด ได้มาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งการที่ผู้ประกอบการขนส่งประจำทางไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนด ในเรื่องสถานที่จอด หรือการขนถ่าย สัตว์และสิ่งของจะต้องระวางโทษ 50,000 บาท ตามบทกำหนดโทษมาตรา 131" ล่าสุดจากการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 คาดว่าคนขับรถตู้อาจหลับในเพราะรถไม่มีรอยเบรกบนถนน รวมทั้งลักษณะที่เกิดเหตุไม่ใช่ทางโค้งหรือเป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ โดยการสอบสวนเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะที่เกิดเหตุไม่ใช่ทางโค้งหรือเป็นจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ โดยการสอบสวนเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ตรวจสอบสภาพศพและตรวจสอบสภาพรถ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบ 7 วันจึงจะทราบสาเหตุที่ชัดเจน

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ระบบถังแก๊สของรถตู้คันดังกล่าวไม่มีปัญหา เหตุเพลิงไหม้จึงอาจะเกิดจากระบบหัวจ่ายน้ำมัน แต่จะต้องรอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อความชัดเจนอีกครั้ง ทั้งยังยอมรับว่าหากลดการติดตั้งแก๊สอาจลดความสูญเสียลงได้ นายอาคมกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า รถตู้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อขนส่งคน แต่ใช้เพื่อขนส่งสิ่งของ ดังนั้นเมื่อมีการนำมาประยุกต์ใช้ขนส่งคนก็ควรเน้นย้ำในเรื่องระบบความปลอดภัยทั้งตัวรถและอุปกรณ์ส่วนควบ ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ขับขี่รถตู้โดยสารรสาธารณะควรมีความพร้อม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติด พักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งในข้อบังคับของกรมขนส่งทางบกก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าขับรถ 4 ชั่วโมง ต้องพัก 1 ชั่วโมง รวมถึงขณะนี้ได้มีการเร่งรัดให้ผู้ประกอบการนำรถตู้เข้าติดจีพีเอส (ระบบติดตามและตรวจสอบตำแหน่งของรถยนต์) เพื่อให้สามารถตรวจสอบและควบคุมที่ศูนย์ควบคุมได้ รวมไปถึงภายในปี 2562 จะผลักดันให้ลดการใช้รถตู้ในการขนส่งข้ามจังหวัดให้น้อยลง

ทางด้านนายภัทรพงษ์ เสือนาค เป็นนายท่าคิวรถตู้โดยสาร เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ที่คิวรถตู้ หจก.พลอยหยก มีรถตู้บริการทั้งหมด 18 คัน รถตู้คันที่ประสบอุบัติเหตุออกจาก กรุงเทพฯมาส่งผู้โดยสารที่จันทบุรีตอนตี 5 ในวันที่ 2 ถึงคิวในเวลา 10.00 น.กว่า คนขับรถได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ และทางบริษัทมีการตรวจร่างกาย ตรวจสุขภาพ ก่อนที่จะให้ขับรถต่อในเที่ยวต่อไป และได้คิวออกจากจันทบุรี ไป กรุงเทพฯ ในเวลา 11.00 น. ซึ่งนายสมุน เอี่ยมสมบัติ ชื่อเล่น “แดง” เป็นคนอัธยาศัยดีอยู่ที่บางนา กรุงเทพฯ และพักอาศัยบ้านเช่าแถวซอยเมตตา หลังวัดป่าคลองกุ้ง อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งอยู่ใกล้กับคิวรถตู้ ภายหลังมีญาติที่ทราบข่าวมาติดต่อสอบถาม ทางบริษัทยืนยันลักษณะ และญาติได้กลับไปแล้วด้วยความเศร้าโศก

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 มกราคม ที่สถานบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดาญาติของผู้เสียชีวิตได้ทะยอยเดินทางมายื่นเอกสารแสดงหลักฐานเอกลักษณ์ของผู้เสียชีวิตเพื่อมารับศพกลับไปทำพิธีทางศาสนา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกว่า 20 ราย ร่วมเดินทางมารับศพนายพรหมพต หรือกันต์ กอศิริวรานนท์ อายุ 20 ปี ชาวจังหวัดจันบุรี นิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สยอง น.ส.ศศินันท์ สิทธิบุศย์ อายุ 45 ปี และน.ส.ปาเจรา กอศิริวรานนท์ อายุ 23 ปี มารดาและพี่สาวของนายพรหมพต เดินทางมาติดต่อขอรับศพ โดยน.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า ทราบข่าวประมาณช่วงบ่ายสองของวันเกิดเหตุ เนื่องจากน.ส.ปาเจราได้โทรศัพท์มาถามตนว่าน้องชายขึ้นรถเที่ยวไหน เพราะมีรถตู้โดยสารวิ่งกลับมาจากจันทบุรีเพื่อเข้าสู่กทม. เกิดประสบอุบัติเหตุให้ช่วยเช็คเพราะเป็นห่วงน้อง จากนั้นตนทราบว่ารถออกเวลา 11 โมง แต่ไม่แน่ใจว่าบุตรชายอยู่บนรถคันดังกล่าวหรือไม่ เมื่อตรวจสอบกับหัวหน้าคิวรถตู้ปรากฏว่าเป็นคันที่บุตรชายโดยสารอยู่จริง

น.ส.ศศินันท์ มารดาของผู้เสียชีวิตกล่าวทั้งน้ำตาว่า คอยเตือนลูกชายเสมอ ไม่อยากให้นั่งรถตู้โดยสาร เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย เพราะเห็นข่าวแบบนี้อยู่เป็นประจำ แต่ด้วยภาวะต้องจำยอม เพราะลูกชายจะเรียนที่จุฬาลงกรณ์เพียงแค่ 3 ปี แล้วจะมาเรียนต่ออีก 1 ปีที่สถาบันพระปกเกล้า ถนนเลียบเนิน ต.วัดใหม่ อ.เมืองจันทบุรี จนกระทั่งมาเกิดเหตุสลดดังกล่าว “พอทราบข่าว ฉันก็ตามไปที่โรงพยาบาลบ้านบึง เพื่อรับศพแต่ยังรับไม่ได้ เนื่องจากผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกไฟคลอก ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องส่งร่างไปผ่าพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลให้แน่ชัดอีกครั้งที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ฉันจึงเดินทางมาขอรับศพ ก่อนจะนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลศพที่วัดป่าคลองกุ้ง ถนนท่าแฉลบ ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี ต่อไป”แม่น้องกันต์กล่าวทั้งน้ำตา

รายงานเพิ่มเติม: ข่าวสด, ผู้จัดการรายวัน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่