ทั้งนี้เรื่องการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาจังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความต้องการของญาติผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามในการสวดพระอภิธรรมศพจะมีขึ้นทุกคืน ซึ่งในช่วงเช้าของวันนี้จังหวัดภูเก็ตได้จัดทำพิธีเรียกขวัญ และสวดส่งวิญญาณที่ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
พล.ร.ต.เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ในนาม ศรชล.เขต 3 กล่าวว่าจากกรณีเกิดเหตุขณะนี้มีผู้สูญหายจำนวน 2 คน หนึ่งในนั้นมองเห็นด้วยตาว่าติดอยู่ใต้ซากเรือ เช้าวันนี้ได้ปล่อยกองกำลังออกไปกู้ซากเรือแล้วส่วนอีก 1 รายจะใช้แบบจำลองการเคลื่อนตัวของผิวน้ำ ซึ่งคาดว่าจะอยู่บริเวณเกาะพีพี จังหวัดกระบี่ พังงา และสตูล
ด้านพ.อ.ศานติ ศกุนตนาค เสนาธิการ มณทลทหารบกที่ 45 กล่าวว่า ในนามกองทัพภาคที่ 4 โดยมณฑลทหารบกที่ 41 และ 45 ได้สนับสนุนการค้นหาอย่างต่อเนื่องโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำในการค้นหาผู้สูญหาย นอกจากนี้สั่งการให้กำลังพลเดินเท้าปูพรมบริเวณชายหาดที่คาดว่าน่าจะสูญหาย ไปติดในจังหวัดกระบี่ ภูเก็ต และพังงา ซึ่งการค้นหาอย่างคงต้องดำเนินการต่อไป
ขณะที่พล.ต.ต.ธีระพงษ์ ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.61) มีการบูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจากส่วนกลาง ตรวจสอบบริษัทเรือทั้งสองแห่ง ค้นหาวัตถุพยาน เอกสารเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าบริษัททั้งสอง มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และดำเนินการให้บริการการท่องเที่ยวได้มาตรฐานหรือไม่ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
หลังจากนี้จะส่งเอกสารทั้งหมดให้ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเมื่อตรวจสอบแล้วเสร็จ ให้รายงานกลับมาให้เจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนได้ใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ขณะนี้การสอบถามพยานยังคงดำเนินต่อไปเนื่องซึ่งเป็นความต้องการของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนเรื่องของการหาสาเหตุที่แน่จริงว่าเหตุการณ์สูญเสียดังกล่าวเกิดจากสภาพอากาศหรือไม่ อย่างไรก็ตามผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องดำเนินคดีอย่างแน่นอน ทั้งนี้การกระทำดังกล่าวต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ
ทางด้าน ภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 ซึ่งเป็นผู้แทนจากกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมเจ้าท่าให้มากำกับดูแลในส่วนที่กรมเจ้าท่ามีความรับผิดชอบ ซึ่งได้ประสานงานกับศรชล.เขต 3 อย่างต่อเนื่อง คาดว่า 2 คนที่สูญหายอาจจะอยู่ใต้เรือ จึงจำเป็นจะต้องพลิกเรือเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัด ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เรือเสียหาย ต้องใช้เจ้าหน้าที่ ที่มีความเชียวชาญ เรื่องการกู้เรือ ในการกระทำดังกล่าวเนื่องจากจุดดังกล่าวมีความลึก เกือบ 45 เมตร โดยการกู้เรือนั้นวางแผนจะใช้เครน 400 ตัน ในการทำเรือให้ตั้งตรง แล้วสูบน้ำออก การกระทำดังกล่าวจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยว นอกจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นซึ่งขณะนี้ อุปกรณ์ในการกู้เรือยังเดินทางมาไม่ถึงจังหวัดภูเก็ตซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 วัน 15 วันสามารถกู้เรือได้แต่ต้องขึ้นอยู่ตามสภาพอากาศ
นายนรภัทร กล่าวทิ้งท้ายว่า การปฏิบัติการทั้งหมดเริ่มต้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 หลังเกิดเหตุการณ์ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเรือล่ม จ.ภูเก็ตทันที โดยมีเอกชน หน่วยงานราชการเข้ามาช่วยอย่างต่อเนื่อง
"อย่างไรก็ตามขอขอบคุณ เรือประมง เรือประมงพาณิชย์ เรือ ส.พัฒนา 11 ส. พัฒนา 12 ที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้ได้ทัน ซึ่งจุดที่เกิดเหตุนั้นขณะเกิดเหตุเรือเล็กไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ขอขอบคุณ แพปลาพิชัย และแพปลาพิบูลที่อนุเคราะห์สถานที่ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าใช้พื้นที่ในการลำเลียงผู้ประสบภัยไปโรงพยาบาล รวมไปถึงขอขอบคุณอาสาสมัครดำน้ำ บริษัทเรือฟรีดอมไดรว์วิ่ง บริษัทเรือออลโฟไดรว์วิ่ง ซึ่งได้เข้ามาช่วยบูรณาการ การค้นหากับกองทัพเรือไทย ขอบคุณทุกหน่วยงาน"
"หลังจากนี้จังหวัดภูเก็ตจะจัดมอบโล่แทนคำขอบคุณ นอกจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยแล้วต้องขอขอบคุณรัฐบาลจีน สถานกงสุล เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยที่ได้ส่งชุดกู้ภัยใต้น้ำ มาร่วมภารกิจในครั้งนี้ด้วยการค้นหายังคงไม่หยุดต้องมีการค้นหาอย่างต่อเนื่อง หากมีการหยุดค้นหาทางรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนต้องมีความยินยอมร่วมกัน" นายนรภัทร กล่าว
- ศูนย์ประชาสัมพันธ์ร่วมฯ กรมประชาสัมพันธ์