สบทช.6 สรุปแจ้ง-ไม่แจ้งข้อหา พานักท่องเที่ยวดำน้ำเหยียบปะการัง บ่ายวันนี้

สอบแล้วนักดำน้ำTry Dive พา 2 นทท.เกาหลี เหยียบปะการังถ่ายภาพที่อ่าวหลาเกาะราชา เบื้องต้นให้การปฏิเสธ พร้อมขอให้ตรวจสอบภาพ ผอ.ส่วนทะเลเผยพบผิดอีกข้อ ไม่มีใบอนุญาตดำน้ำ นัดพร้อมหลายฝ่ายชีแจงพร้อมหารือบนเกาะอีกครั้งเพื่อความเป็นธรรมสองฝ่าย ก่อนสรุปแจ้ง - ไม่แจ้ง

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มีนาคม 2560, เวลา 09:48 น.

หากพบว่าผิดจริงตามข้อกล่าวหา “ห้ามเดินเหยียบย่ำปะการัง” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะให้ผู้ถ่ายเป็นพยาน และ สำหรับข้อหาไม่มีใบอนุญาตดำน้ำเจ้าหน้าที่อาจจะเอาิดทางผู้ประกอบการอีกด้วย

จากกรณีเมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมาได้มี ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อว่า Khanchit Klingklip ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำบนเกาะราชา และยังสมาชิกชมรมพัฒนาเกาะราชาใหญ่ ได้มีการโพสต์ภาพใต้น้ำ 15 ภาพ ซึ่งเป็นภาพขณะที่กลุ่มดำน้ำแบบ Try Dive 3 คน (นักดำน้ำ 1 คน และนทท. 2 คน)กำลังผลัดกันเหยียบย่ำบนปะการังเพื่อถ่ายภาพ พร้อมระบุข้อความอธิบายว่า “วันนี้ที่อ่าวหลา เกาะรายาใหญ่หรือเกาะราชาใหญ่ 21/03/2017 (นทท.เกาหลี)นานแล้วที่ไม่มีใครเอ่ยถึง และนานแล้วที่ไม่มีใครเฝ้าดู วันนี้เลยมีโอกาสได้เข้าไป เรานำเที่ยวและรักษาทรัพยากรแนวปะการัง บอกกล่าวนักท่องเที่ยวกันทุกวัน จนได้รับความร่วมมือจากนักท่องเที่ยวมากมาย จากกลุ่มดำผิวน้ำ มันช่างแตกต่างกันยิ่งนัก เมื่อ ได้เห็นการดำน้ำแบบนี้ แบบไร้จิตสำนึก ของคนนำพานักทอ่งเที่ยวบางคน ที่ทำTry Dive อย่างนี้ ทั้งยืน ทั้งเหยียบ สาระพัด ทั้งนักทอ่งเที่ยวและคนนำพา สมควรแล้วหรือที่คิดจะทำอาชีพนี้ คนอื่นๆเขาช่วยกันรักษาเพื่อการท่องเที่ยวในวันต่อๆไป แล้วนี้มันอะไรกัน? คนนำพาเหยียบยืนตั้งท่าถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยว โดยที่นักท่องเที่ยวเองนั้นก็เหยียบยืนบนปะการัง...สมควรแล้วหรือกับการดำน้ำแบบนี้......Seaman Freeman ...กับวันนี้ที่เกาะรายาใหญ่”

สอบถามไปยังผู้โพสต์ ทราบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 11.53 น.ของวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มดำน้ำแบบ Try Diveกลุ่มนี้เป็นกลุ่มดำน้ำบนเกาะราชา ได้พานักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 2 คนชายหญิง มาดำบริเวณอ่าวหลาของเกาะราชา หรือเกาะรายา โดยจุดที่ลงดำนั้นอยู่นอกแนวทุ่นที่ สบทช.6 มีการกันเขตดำน้ำไว้ ซึ่งผู้โพสต์ได้พบเห็นว่ามีการเหยียบย่ำบนปะการังจึงถ่ายภาพไว้ ก่อนที่นทท.เกาหลีที่เป็นผู้หญิงเม้าท์ (หัวอ๊อกซิเจน)หลุดจากปากและสำลักน้ำ คนนำดำจึงต้องรีบนำขึ้นจากน้ำ ผู้โพสต์จึงตามขึ้นไปถ่ายภาพไว้

ทั้งนี้หลังขึ้นจากน้ำผู้โพสต์กล่าวว่า ได้พบกับคนนำนทท.ลงดำอีกครั้ง ซึ่งเป็นคนไทย จึงเข้าไปตักเตือนแต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมรับว่าได้กระทำผิด จึงฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการเนื่องจากบนเกาะราชานั้นเป็นที่ทราบดีว่า ผู้ประกอบการ ชาวบ้าน ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มนักอนุรักษ์ มีการทำงานเป็นเครือข่ายปกป้องไม่ให้มีการทำลายทรัพย์ยากรธรรมชาติ ซึ่งมีทั้ง ชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชาใหญ่ และชมรมพัฒนาเกาะราชาใหญ่ ซึ่งไม่ยอมให้มีการกระทำดังกล่าว

และเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (22 มี.ค.60) นายสุชาติ รัตนเรืองสี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้พูดคุยกับผู้โพสต์เฟสบุ๊ค เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดของผู้กระทำความผิด

โดยนายสุชาติกล่าวว่า หลังจากได้พูดคุยแล้ว พบว่าเป็นนักดำน้ำฟรีแลนซ์ของร้าน “ดราก้อนไดวิ่ง” ซึ่งอยู่บนเกาะราชา ตามที่พยานบอกเล่า จึงให้เจ้าหน้าที่ไปยังร้านดังกล่าวและแจ้งทางร้านว่า เชิญตัวชายคนดังกล่าวมาพบที่สำนักงาน สบทช.6 ในช่วงบ่าย 2 โมง ซึ่งทางร้านได้ตอบรับ พร้อมแจ้งให้ฟรีแลนซ์คนดังกล่าวเดินทางมาพบตามนัดเพื่อชี้แจง

ทั้งนี้ นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวดกวดขันตรวจสอบการกระทำความผิดและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนประกาศของกรมทช.มากขึ้น เพื่อยับยั้งการทำลายทรัพยากรทางทะเล เพราะเมื่อตักเตือนไม่ฟังก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามอำนาจ

HeadStart International School Phuket

จากนั้นเมื่อเวลา 14.00น. พนักงานของร้าน “ดราก้อนไดวิ่ง” คนดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือนายนัฐฐา ศรีนิ่ม อายุ 35 ปี ได้เข้าพบ นายสุชาติเพื่อชี้แจงเหตุผลแล้ว โดยนายนัฐฐา ระบุว่า ตนเองไม่ได้พานทท.เหยียบปะการัง เพียงแต่เข้าไปใกล้ และเหยียบบนพื้นทราย มีบางจุดที่ว่ายผ่านในระยะใกล้ทำให้มองเหมือนเหยียบ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาพถ่ายอย่างละเอียด ทั้งนี้จากข่าวที่ออกไปทำให้ตนเสียหายอย่างมาก ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ซึ่งตนเองไม่มีความสามารถที่จะไปทำงานอื่น ตนเองยอมรับว่าไม่มีบัตรดำน้ำ โดยเข้ามาทำอาชีพนี้โดยการฝึกจากเพื่อน และไดร์ฟมาสเตอร์ที่รู้จักจนเชี่ยวชาญ และมาทำงาน ทราบดีว่าการไม่มีบัตรมันผิดแต่ก็พยายามเก็บเงินเพื่อไปสอบ

นายสุชาติกล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นนายนัฐฐา ไม่รับสารภาพพร้อมปฏิเสธไม่ได้กระทำ อีกทั้งจากการตรวจสอบภาพถ่าย ดูจากภาพอย่างละเอียดนั้นก็ยังไม่ค่อยชัดเจน แต่ทางผู้บันทึกภาพยังคงยืนยันว่าเห็นนายนัฐฐา เหยียบปะการังจริง จึงยังสรุปไม่ได้ จึงนัดพร้อมอีกครั้งในวันนี้ (23 มี.ค.) ที่เกาะราชาในช่วงบ่าย เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทั้งผู้ถ่ายภาพและผู้ถูกกล่าวหา รวมถึง กลุ่มอนุรักษ์และผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำบนเกาะราชา และบริษัทที่ว่าจ้างมาร่วมหารือลงความเห็น รวมถึงช่วยกันวิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อความเป็นธรรม

หากผลหารือทางผู้ถ่ายภาพและกลุ่มอนุรักษ์ยืนยันจะให้ดำเนินคดี ก็ต้องนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง เพื่อแจ้งในความผิดฐาน ฝ่าฝืนประกาศของกรมทรัพยาการทางทะเลแลชายฝั่ง ตามคำสั่งที่ 445/2559 เรื่องมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการระงับความเสียหายร้ายแรงต่อทรัพยากรปะการรังใน 7 พื้นที่ ซึ่งครอบคลุมถึงเกาะราชา จังหวัดภูเก็ต ตามข้อ 7 ซึ่งระบุว่า “ห้ามเดินเหยียบย่ำปะการัง” ของบัญชีแนบท้ายคำสั่ง โดยผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะให้ผู้ถ่ายเป็นพยาน

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายนัฐฐา ไม่มีใบอนุญาติดำน้ำลึก แบบScuba หรือระดับอื่นๆ แต่ยังมีการนำนักท่องเที่ยวถึงสองคนที่ไม่เคยดำน้ำถึง 2 คนลงดำ ซึ่งเป็นการเสี่ยงอันตรายอีกด้วยจึงต้องทำการสอบสวนผู้ว่าจ้าง คือร้าน “ดราก้อนไดวิ่ง”ด้วยเนื่องจากอยู่ในความผิดฐาน ฝ่าฝืนประกาศของกรมทรัพยาการทางทะเลแลชายฝั่ง ตามคำสั่งที่ 445/2559 เรื่องมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการระงับความเสียหายร้ายแรงต่อทรัพยากรปะการรังใน 7 พื้นที่ ซึ่งครอบคลุมถึงเกาะราชา จังหวัดภูเก็ต ตามข้อ 10 ซึ่งระบุว่า “ผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวดำน้ำลึกต้องได้รับใบอนุญาติประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องได้รับใบอนุญาติประกอบธุรกิจนำเที่ยวจากสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข และหลักการของสถาบันการเรียนการสอนดำน้ำสากล” ของบัญชีแนบท้ายคำสั่ง โดยผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้ามตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามความในมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลเเละชายฝั่ง พ.ศ.2558 ซึ่งจะให้มีการชี้แจงด้วยในวันนี้ หากพบผิดจริงก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีอีกข้อ แยกจากคดีของนายนัฐฐา นายสุชาติกล่าว

 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่