รู้หรือไม่ บุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้อันตรายแค่ปอด ผลวิจัยระบุส่งผลกับระบบหัวใจและหลอดเลือด

วารสารทางการแพทย์ชี้ชัดการสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดเสียหาย ขณะที่ 39 ประเทศสั่งแบนพร้อมออกมาตรการควบคุมและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่คนไทยยังใช้มันอยู่

โพสต์ทูเดย์

วันพฤหัสบดี ที่ 21 พฤศจิกายน 2562, เวลา 11:02 น.

ภาพ เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

ภาพ เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

จากผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ Cardiovascular Research ระบุว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจทำให้ระบบหัวใจและหลอดเลือดเสียหาย เพราะมีทั้งนิโคติน สสารที่มีอนุภาคเล็กๆ โลหะ และสารปรุงแต่งรสชาติ โดยการศึกษาของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอไฮโอ พบว่า อนุภาคเล็กๆ ที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตและส่งผลกับหัวใจโดยตรง เช่นเดียวกับการสูดอากาศที่มีมลพิษเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่นิโคตินซึ่งพบในบุหรี่มวน ทำให้ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ส่วนผสมอื่นที่ถูกสูดเข้าไปอาจนำมาสู่การติดเชื้อ เซลล์ในร่างกายถูกสารอุนมูลอิสระทำลาย การไหลเวียนของโลหิตไม่สม่ำเสมอ ส่วนอนุภาคขนาดเล็กเชื่อมโยงกับการเกิดลิ่มเลือดที่ทำให้เส้นเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคความดันสูง บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารฟอร์มัลดีไฮด์ซึ่งถูกจัดอยู่ในสารก่อมะเร็งและทำให้หัวใจของหนูทดลองได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่พบความเป็นไปได้ในการก่ออันตรายของสุขภาพในสารปรุงแต่งให้เกิดกลิ่นต่างๆ ที่รับเข้าสู่ร่างกายผ่านการสูดดมเข้าปอด

ผลวิจัยฉบับนี้มีขึ้นหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) ประกาศว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแล้วอย่างน้อย 37 ราย และมีผู้ป่วยด้วยอาการทางปอดอีกเกือบ 2,000 รายเมื่อเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่าตัวเลขผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 7 ล้านคนในปี 2011 เป็น 41 ล้านคนในปี 2018 เนื่องจากมีรูปลักษณ์และรสชาติที่ดึงดูดผู้ใช้วัยรุ่น อีกทั้งผู้ผลิตยังโฆษณาอย่างหนักหน่วงว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน เฉพาะที่สหรัฐพบนักเรียนมัธยมปลายถึง 1 ใน 4 ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มขึ้นจาก 2 ปีก่อน 15%

บุหรี่ไฟฟ้ากับนานาประเทศ

บุหรี่ไฟฟ้ากลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก เนื่องจากคำกล่าวอ้างจากผู้ผลิตว่าปลอดภัยกว่าการสูบบุหรี่ปกติ แต่จากการศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อปี 2016 พบว่ายังไม่มีหลักฐานมากพอที่จะสรุปได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้ผู้ใช้เลิกบุหรี่มวน ขณะที่องค์กรด้านสุขภาพและรัฐบาลหลายประเทศออกคำเตือนว่าบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่มวนส่งผลเสียต่อสุขภาพไม่ต่างกัน

ล่าสุด รัฐบาลอินเดียประกาศห้ามจำหน่าย รวมทั้งห้ามผลิต นำเข้า จัดเก็บ และโฆษณาบุหหรี่ไฟฟ้า ผู้ฝ่าฝืนต้องถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 100,000 รูปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หากทำผิดซ้ำต้องระสางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 500,000 รูปี การสั่งแบนของอินเดียเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่หลายประเทศกำลังตื่นตัวและเตรียมทบทวนการควบคุมของบุหรี่ไฟฟ้า

39 ประเทศมีคำสั่งห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าหรือนิโคตินเหลว

ตามรายงานของ Global State of Tobacco Harm Reduction ระบุว่า ประเทศต่างๆ 39 ประเทศมีคำสั่งห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าหรือนิโคตินเหลว ขณะที่บางประเทศมีการควบคุม หรือให้ใช้อย่างถูกกฎหมาย อาทิ

ไทย แบนทุกกรณีตั้งแต่ปี 2014

สิงคโปร์ ห้ามนำเข้า จัดจำหน่าย แจกจ่าย หรือเสนอขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 เหรียญสิงคโปร์

กาตาร์ แบนตั้งแต่ปี 2014

ออสเตรีย กำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ การจำหน่ายต้องได้รับใบอนุญาต

เบลเยียม สามารถจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ที่บรรจุสารนิโคตินนอกร้านขายยาได้ หากบรรจุนิโคตินไม่เกิน 2 มิลลิลิตร หรือเฉพาะสารนิโคตินไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร โดยห้ามจำหน่ายให้เยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี

สาธารณรัฐเช็ก ห้ามจำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และอนุญาตให้จำหน่ายเฉพาะร้านที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายบุหรี่มวนเท่านั้น การใช้หรือโฆษณาไม่ผิดกฎหมาย ในทางพฤตินัยห้ามจำหน่ายในช่องทางออนไลน์เนื่องจากไม่สามารถระบุอายุผู้ซื้อได้ แต่ในทางปฏิบัติยังไม่มีการบังคับใช้ เนื่องจากมีร้านค้าออนไลน์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ทำให้ควบคุมได้ยาก

เดนมาร์ก ควบคุมการโฆษณา และกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อนจึงจะทำการตลาดและจำหน่ายได้ ทว่า จนถึงตอนนี้ทางการยังไม่เคยออกใบอนุญาตดังกล่าว

ฟินแลนด์ การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินเหลวถือว่าผิดกฎหมาย แต่หากไม่มีสารนิโคตินเหลวสามารถจำหน่ายได้ตราบใดที่ไม่มีภาพและราคาบนบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ ยังผ่อนผันให้ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าบรรจุนิโคตินเหลวจากต่างประเทศเพื่อใช้ส่วนตัวได้ โดยต้องมีนิโคตินไม่เกิน 10 มิลลิกรัม และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าต้องมีนิโคตินไม่เกิน 0.42 กรัมต่อขวด หากเกินกว่านั้นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ในฟินแลนด์

ฝรั่งเศส ห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ใดๆ ทั้งที่มีและไม่มีนิโคตินให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งยังกำหนดสถานที่ห้ามสูบ โดยผู้ฝ่าฝืนต้องถูกปรับตั้งแต่ 150 ยูโรขึ้นไป ส่วนเจ้าของสถานที่ที่เป็นพื้นที่ห้ามสูบและผู้ที่ไม่ติดป้ายห้ามสูบปรับ 450 ยูโร

เนเธอร์แลนด์ ห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี จำกัดการจำหน่ายน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไม่เกินขวดละ 10 มิลลิลิตร มีนิโคตินได้ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร

สหรัฐ ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละรัฐ

ออสเตรเลีย ยังไม่มีกฎหมายที่แน่ชัด แต่การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าต้องขึ้นทะเบียนกับคณะกรรมการสินค้าเพื่อการบำบัดโรค (TGA)

แคนาดา ส่วนใหญ่ยังไม่มีกฎหมายควบคุม แต่ในทางเทคนิคการจำหน่ายน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินยังผิดกฎหมาย เนื่องจากทางการแคนาดายังไม่อนุมัติ แต่โดยทั่วไปแล้วมีน้ำยาชนิดนี้จำหน่ายทั่วประเทศ ส่วนในเมืองแวนคูเวอร์ห้ามสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่สาธารณะที่ห้ามสูบหบุรี่มวน เมืองโตรอนโตห้ามสูบบรี่หรี่ไฟฟ้าในสถานที่ทำงาน

ฮ่องกง ห้ามจำหน่ายและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคติน ฝ่าฝืนมีโทษปรับ 100,000 เหรียญฮ่องกง หรือจำคุก 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ยังไม่มีกฎหมายครอบคลุมบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีสารนิโคติน

ญี่ปุ่น ห้ามจำหน่ายหรือใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินตั้งแต่ปี 2010 แต่ยังมีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่มีนิโคตินให้กับทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ เนื่องจากไม่มีกฎหมายห้าม

มาเลเซีย มีกฎศาสนาอิสลามห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าในรัฐปีนัง เกดะห์ ยะโฮร์ และกลันตันเมื่อปี 2015 ต่อมารัฐบาลมาเลเซียออกกฎห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้เยาวชนในปี 2018

เกาหลีใต้ กฎหมายอนุญาตให้จำหน่ายและใช้บุหรี่ไฟฟ้า แต่มีการเก็บภาษีสูง

(อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก)

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่