ยกเลิกด่านลอย เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่ ภูเก็ตพร้อมรับนโยบาย เพิ่มตรวจเข้มจุดสุ่มเสี่ยง

ภูเก็ต – ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตพร้อมรับนโยบายยกเลิกจุดตรวจในลักษณะของด่านลอย จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยช่วงระหว่างรอคำสั่งและแนวทางปฏิบัติใหม่ที่ชัดเจนจากสตช. ตำรวจภูเก็ตยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยการ บูรณาการเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและเจ้าหน้าที่สายตรวจให้เพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการออกตรวจมากขึ้น

ธัญลักษณ์ สากูต

วันเสาร์ ที่ 10 ตุลาคม 2563, เวลา 10:40 น.

ภาพ ธัญลักษณ์ สากูต

ภาพ ธัญลักษณ์ สากูต

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ชี้แจงถึงประเด็นการตั้งด่านตรวจตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (คนใหม่) ภายหลังจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เกษียณอายุราชการไป เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา

พล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า ด่านตรวจที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีวัตถุประสงค์เฉพาะ และมีการกำหนดเวลาชัดเจน เช่น ด่านความมั่นคง ด่านป้องกันยาเสพติด หรือการตั้งจุดสกัดหลังเกิดเหตุ ยังคงดำเนินการตามปกติ โพสต์ทูเดย์ รายงาน

แต่ในส่วนของจุดตรวจ ที่มีการร้องเรียนในลักษณะของด่านลอย หรือ ตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ทุกกองบัญชาการ ยกเลิกพฤติกรรมดังกล่าว และให้ระงับไปก่อน ซึ่งจะมีการออกระเบียบข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ โดยจะมีการประชุมกำหนด เพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจน ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตาม คำสั่งสตช.ให้ยกเลิกการตั้งด่านลอยทุกชนิดทั่วประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมาสตช.ได้เคยมีคำสั่งออกมาแล้ว หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน เพื่อให้เป็นนโยบายและมาตรการในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจทั่วประเทศ

พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ พุกบัวขาว รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยกับ The Phuket News สัปดาห์นี้ว่า ด่านตรวจของจังหวัดภูเก็ตที่ได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีคือด่านตรวจท่าฉัตรไชย ซึ่งถือเป็นด่านความมั่นคงและตรวจหลักของภูเก็ต เนื่องจากเป็นเส้นทางจราจรทางบกหลักเส้นเดียวที่ใช้ในการเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต เพื่อความเข้มในการป้องกันปราบปรามและความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

“ส่วนด่านประเภทอื่น ๆ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังกำหนดแนวทางและมาตรการ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และการสื่อสารที่ถูกต้องชัดเจนกับประชาชน ในเรื่องของการปฏิบัติให้เกิดความโปร่วงใสและความชัดเจน ซึ่งต้องรอ นโยบายจากสตช.ก่อน ในส่วนของเราก็จะเพิ่มความเข้มในการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกไปตรวจจุดเสี่ยงต่าง ๆ เช่นจุดที่มีความถี่ในการเกิดเหตุ จุดที่มีความล่อแหลมสุ่มเสี่ยงก็จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปรากฏกายให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มในการป้องกันและปราบปรามเหตุร้าย”พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ กล่าว

“ตอนนี้สตช.ได้สั่งการนโยบายให้ตั้งด่านชั่วคราว ในกรณีฉุกเฉินหรือมีเหตุสำคัญ เช่น เหตุปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ซึ่งต้องขออนุมัติหัวหน้าสถานี และจะต้องรายงานระดับจังหวัดให้ทราบ หรือในกรณีที่มีคนเมาสุราขับรถในลักษณะหวาดเสียวอันตรายอาละวาด ไปชนทรัพย์สินหรือสิ่งของต่าง ๆ ก็จะมีการตั้งจุดสะกัดชั่วคราว ซึ่งต้องมีนายตำรวจควบคุม มีป้ายสัญญาณบอกชัดเจนเหมือนปกติ ส่วนด่านลอยก็ต้องชะลอออกไปก่อน เพื่อรับนโยบายที่ถูกต้องชัดเจนก่อน จากนั้นจะมีการประชุมตำรวจภูธรภาค 8 อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ตำรวจได้รู้แนวทางการปฏิบัติ”

สำหรับคนที่รอถือโอกาสเมาแล้วขับในช่วงที่ยังไม่มีคำสั่งที่ชัดเจน รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต เตือนว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงทำงานกันอย่างเต็มที่เช่นเดิม

“สตช.กำลังกำหนดมาตรการว่าทำอย่างไรประชาชนจะยอมรับ คิดว่าคงเสร็จเรียบร้อยในไม่ช้า และทางเราก็คงเร่งรัดไม่ปล่อยให้เป็นสูญญากาศแน่นอน ยังคงมีการปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิม เพิ่มความระมัดระวัง เพิ่มความโปร่งใส เพื่อให้สอดรับกับนโยบายที่จะกำหนดในอนาคต”พ.ต.อ.อารยะพันธุ์ กล่าว

“การออกไปเที่ยวหรือการไปดื่มสุราถือเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ซึ่งหากท่านดื่มแล้วรู้ตัวว่าไม่ไหวก็ต้องให้คนที่ไม่ดื่มเป็นคนขับ เพราะหากท่านขับรถเองในขณะมึนเมา นอกจากความเสียหายจะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินและชีวิตของท่านแล้ว มันจะพาลไปถึงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อยากจะเตือน ให้อยู่ในกรอบที่พอควร ตอนนี้เราอยู่กันอย่างลำบากอยู่แล้วในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ไม่อยากให้มีความเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก”

ด้าน นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ ผู้จัดการโครงการแผนงานความร่วมมือระหว่างองค์การอนามัยโลกและรัฐบาลไทย ด้านความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า เรื่องไม่ให้มีด่านหลายคนอาจจะเข้าใจผิด เพราะจริง ๆ แล้วท่านผบ.ตร.ต้องการเน้นในเรื่อง “ความโปร่งใสของด่าน” คือด่านถ้ามีต้องโปร่งใสประชาชนตรวจสอบได้ มีหลักการหลักเกณฑ์ ซึ่งทางตำรวจกำลังดำเนินการในเรื่องของหลักเกณฑ์ ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร แต่ทำเพื่อความปลอดภัยโดยรวม

“เห็นด้วยว่าต้องมีการจัดการเชิงระบบของด่าน มีการวิเคราะห์ว่าจุดใดมีความถี่ของอาชญากรรมและอุบัติเหตุ อะไรคือความเสี่ยงหลัก และจะมีการจัดการที่เป็นมาตรฐานอย่างไร รวมทั้งการสนับสนุนจากสตช.ในเรื่องอุปกรณ์เครื่องมือและทรัพยกรอื่น ๆ ในขณะเดียวกันอยากให้สตช.ทำระบบข้อมูลการประเมินผลติดตาม ว่าระบบใหม่มีผลในการลดปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างไรบ้าง มากกว่าการวัดตัวเลขปริมาณการปฏิบัติ

“งานนี้ไม่ใช่งานใหม่และถือเป็นเป้าหมายใหญ่ในการทำงาน ซึ่งทางตำรวจปฏิบัติเป็นปกติอยู่แล้ว ทั้งนี้ไม่อยากให้มีช่องว่างอยากให้เร่งกำหนดนโยบายที่ชัดเจนออกมา ที่สำคัญต้องสื่อสารให้ประชาชนทราบว่าไม่ได้ยกเลิกด่าน เพียงแค่ทำให้ด่านมีความโปร่งใส การตรวจสอบต่าง ๆ ให้โปร่งใสขึ้น มีเครื่องตรวจ วิธีการปฏิบัติ และการตรวจที่เป็นมาตรฐาน” นพ.วิวัฒน์ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่