พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ กล่าวว่า จากการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ห้วงระหว่างวันที่ 13-21 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งมุ่งเน้นความผิดเกี่ยวกับชีวิต ร่างกายและเพศ ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ อาวุธปืน อาวุธสงคราม วัตถุระเบิดและยาเสพติด โดยผลการจับกุมที่สำคัญในห้วงระดมกวาดล้างดังกล่าวของหน่วยงานในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 ได้แก่ ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ชุมพร, ระนอง, กระบี่, พังงา และภูเก็ต
ประกอบด้วย การจับกลุ่มอาวุธปืนจำนวน 107 ราย ผู้ต้องหา 109 คน ของกลางเป็นอาวุธปืนมีทะเบียน 24 กระบอก และไม่มีทะเบียนอีก 84 กระบอก แยกเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1กระบอก, อาวุธปืนคาร์บิ้น 1 กระบอก, อาวุธปืนกลมือขนาด 9 มม. 1 กระบอก, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 14 กระบอก, อาวุธปืนขนาด 11 มม. 3 กระบอก, อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 11 กระบอก, อาวุธปืนขนาด .357 จำนวน 6 กระบอก, อาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 9 กระบอก, อาวุธปืนลูกซองสั้น 18 กระบอก, ปืนลูกซองยาว 6 กระบอก, ปืนไทยประดิษฐ์ จำนวน 25 กระบอก, อาวุธปืนขนาด .45 จำนวน 3 กระบอก, ปืนยาวอัดลม 7 กระบอก, อาวุธปืนขนาดอื่น ๆ 3 กระบอก และเครื่องกระสุน 446 นัด
การจับกุมยาเสพติดให้โทษ จำนวน 133 ราย ผู้ต้องหา 138 คน ของกลางยาบ้า 3,590,100 เม็ด, ยาไอซ์ 78.61 กรัม กัญชาแห้ง 3,393 กรัม และพืชกระท่อม 51.22 กิโลกรัม รวมทั้งมีการจับกุมคดีค้างเก่า จำนวน 20 ราย ได้ผู้ต้องหาจำนวน 20 คน
พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ กล่าวต่อไปว่า จากของกลางที่มีการจับกุมได้ส่วนใหญ่จะเป็นอาวุธปืน โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้มีการตัดสินใจก่อเหตุความรุนแรง ดังนั้นการระดมกวาดล้างและสามารถตรวจยึดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดคดีอุจฉกรรจ์ที่จะเกิดขึ้นได้ โดยในการทำงานนั้นได้เน้นย้ำการป้องกันปราบปรามก่อนเกิดเหตุ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่หากมีเหตุเกิดขึ้นแล้วก็จะต้องมีการจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ รวมทั้งให้มีการกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง