พลังแห่งมวลดอกไม้ ความงดงามที่บานสะพรั่ง

บ้านและสวน - หลายปีที่ผ่านมา ผมได้เคยเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกในบริเวณสวนหากคุณเป็นอีกคนที่ได้ตั้งหลักปักฐานบนเกาะแห่งนี้ ถึงตอนนี้ที่ผมอายุมากขึ้นและเข้าใจว่าผมมีความรู้ในเรื่องหลากหลายมุมของไม้พุ่มเตี้ย ไม้เลื้อย ไม้ยืนต้น และพืชล้มลุกเขตร้อนมากกว่าที่แล้วมา ผมจึงอยากจะลองพูดถึงเรื่องนี้ผ่านบทความอีกสักครั้ง 

The Phuket News

วันอาทิตย์ ที่ 31 ธันวาคม 2560, เวลา 15:00 น.

หลักใหญ่ใจความส่วนใหญ่ก็ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ อย่างแรกดึงดูดสายตาน่ามอง อย่างที่สองคือความแข็งแกร่ง ความสามารถในการดำรงชีวิตให้อยู่รอดได้ในสภาพอากาศของจังหวัดภูเก็ต และอย่างที่สามคือมีกลิ่นหอม สามารถดึงดูด ผึ้ง นก และผีเสื้อ 

หากพูดถึงดอกไม้ในเขตร้อน ชื่อของดอกไม้ชนิดแรกที่ผู้คนส่วนใหญ่ต้องนึกถึงก็คือ “ชบา” เจ้าแห่งสีสันบนในพื้นที่ภูเก็ต ซึ่งเชื่อได้ว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่คนรักต้นไม้รักการจัดสวนบนเกาะแห่งนี้จะไม่ปลูกเอาไว้สักต้น ไม่ใช่แค่ชบาจีน (ที่นิยมปลูกกันมากที่สุด) แต่ยังมีชบาพันธุ์อื่นๆ ในวงศ์เดียวกันอีกด้วย 

ดอกชบาสีแดงเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศมาเลเซีย และจะเห็นได้ว่ามีการใช้ดอกชบาเพื่อการสักการะบูชาและการตกแต่งทั่วไปจากบาหลีสู่หมู่เกาะโบรา โบร่า โดยดอกชบาจะบานสะพรั่งพร้อมกันหมด ทำให้เราได้เห็นความงดงามของช่อดอกไม้ที่บานเบ่งอวดโฉมพร้อมกันทั้งต้น

แต่เดิมนั้นไม้พุ่มจะออกดอกเป็นดอกเล็กๆ แต่ดอกไม้พันธุ์ผสมยุคใหม่จะมีขนาดถึงประมาณกว้างยาว 30 ถึง เซนติเมตร ดอกไม้ที่เบ่งบานโดยมีลักษณะดอกคล้ายทรัมเป็ตนี้ จะออกดอกเป็นทั้งแบบดอกเดี่ยวและดอกคู่ และมีสีสันที่อาจจะไม่เหมือนกับต้นข้างๆ กัน เช่น สีขาว สีครีม สีเหลือง สีชมพูแซลมอน สีแดงสด และสีม่วงแดง

ความที่เป็นดอกไม้พันธุ์ผสมอันเป็นที่นิยมปลูกกันมาอย่างยาวนานบนเกาะแห่งนี้ ทำให้พบว่าพืชเหล่านี้ถูกตัดแต่งให้เป็นแนวกำแพงสูงหรือในลักษณะแนวรั้วเพื่อใช้ใบเขียวๆ ให้เกิดประโยชน์และความสวยงาม ซึ่งก็แน่นอนว่าดอกไม้ที่ผลิบานอวดสีสันสวยงามนั่นคือโบนัส นอกจากนั้นที่ไม่ว่าจะออกเป็นดอกสีแดงหรือชมพู อีกข้อดีของพืชชนิดนี้คือ มีความทนทานและไม่เกี่ยงงอนกับสภาพดิน  

ถ้าหากเป็นดอกชบาที่ได้รับความนิยมกันอย่างกว้างขวางจะมีข้อเสียละก็ มันคือความต้องการในการเจริญเติบโตบนสภาพดินที่ดีและแสงแดดส่องถึง พืชชนิดนี้มีรากแก้วมากมายจึงไม่เหมาะที่จะปลูกในกระถาง เพราะมันคงไม่ชอบนักที่จะถูกจำกัดให้อยู่ในบริเวณจำกัด และนอกจากนั้นแล้วมันยังเสี่ยงกับการติดโรคใบจุดสีขาว ไม่เหมือนกับดอกไม้ในเครือญาติของมัน นั่นคือพุดตานหรือดอกสามสีและดอกพู่เรือหงส์ 

ทั้งนี้ ดอกพู่เรือหงส์ หรือ ชุมบาห้อย พู่ระหง หางหงส์ บางครั้งก็ถูกกล่าวถึงในนามปะการังหรือโคมไฟญี่ปุ่น ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง ดอกพู่เรือหงส์เป็นดอกไม้ที่ไม่เป็นโรค ไม้พุ่มเตี้ยที่มีดอกห้อยออกมาจากต้นอวดสีสันแดงสดสวยงาม หรือดอกที่ย้อยออกมาจากส่วนปลายสุดให้ความรู้สึกสง่างามอันแสนนุ่มนวล และในขณะที่ดอกไม้ชนิดนี้ยังไม่ถึงเวลาที่มันเบ่งบานเต็มที่ มันจะอดทนต่อทุกสภาพอากาศและเป็นหนึ่งในไม้พุ่มที่ง่ายต่อการตัดแบ่งปักชำ

ส่วนดอกพุดตานนั้นค่อนข้างจะแตกต่าง เห็นได้จากชื่อที่บอกเป็นความนัย ดอกที่ใหญ่กลีบซ้อนบานสะพรั่งของมันสามารถเปลี่ยนสีได้ เริ่มจากสีขาวในยามเช้า สีชมพูในช่วงเที่ยงและเป็นสีแดงกุหลาบตอนบ่ายแก่ถึงเย็น ด้วยความที่ดอกพุดตานเป็นเสมือนสิ่งล้ำค่าในสวนดอกไม้ของภูเก็ต เนื่องจากความที่มีลักษณะเหมือนกุหลาบขนาดใหญ่ จนอาจะเรียกได้ว่าเป็นกุหลาบฝ้าย จึงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีและได้รับความนิยม เพราะเป็นดอกไม้ที่เจริญเติบได้ดีแม้ในสภาพดินที่ไม่สมบูรณ์นักบนพื้นที่เพียงร่มเงาปานกลาง 

มันยากที่จะถกเถียงกันเพื่อหาข้อสรุปว่าสถานที่แบบใดเหมาะสมในการปลูกพืชตระกูลนี้ที่สุด บรรดาผู้รักการทำสวนน่าจะโหวตให้กับเจ้าชบาใบเดี่ยว ด้วยเหตุผลบนพื้นฐานของความสวยงามอันโดดเด่นชวนมอง เพราะมันสามารถปลูกสลับสีกันได้อย่างสวยงาม ส่วนพุดตานเป็นดอกที่ปลูกง่ายแต่สี ดอกจะเปลี่ยนไปในระหว่างวันด้วยสีขาว ชมพู และแดง ส่วนดอกพู่เรือหงส์จะปลูกยากและบอบบางทั้งยังไม่เบ่งบานผลิดอกมากนัก 

ผู้เขียนได้เรียงร้อยบทความนี้มา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าดอกไม้ทั้งสามชนิดนี้ผู้เขียนได้ปลูกขึ้นในพื้นที่สวนส่วนตัวเพื่อชมความงามเป็นที่เรียบร้อย

แพททริค มีประสบการณ์การเขียนบทความเกี่ยวกับการจัดสวนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและหัวข้อที่เกี่ยวข้องมากว่า 10 ปี หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำสวนและความกังวลในด้านของสิ่งแวดล้อม สามารถติดต่อสอบถามแพทริคโดยตรง ได้ที่ drpaccampbelll@gmail.com หากท่านสนใจใน หลากหลายผลงานจากความคิดสร้างสรรค์และความรู้ทางวิชาการของเขาสามารถชมได้ที่  Wordpress: Green Galoshes

เรื่องโดย แพททริค แคมป์เบลล์ 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่