วานนี้ (12 มี.ค. 60) พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากกองบินตำรวจ ตำรวจภาค 8มายังเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อร่วมประชุมกับคณะทำงานที่เทศบาลตำบลเกาะเต่า เพื่อวางแผนงานการค้นหา น.ส.วาเลนติน่า โนวาชฮาโยโนว่า อายุ 23 ปี สัญชาติรัสเซีย (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
จากนั้นพล.ต.ต.อภิชาติ ได้เดินทางไปพบปะพูดคุยกับ นางวาวาร่า นาเมสนิโคว่า สัญชาติรัสเซีย มารดาของน.ส.วาเลนติน่า ที่ได้เดินทางมาจากรัสเซียมายังเกาะเต่าตั่งแต่เมื่อวันที 11 มี.ค. เพื่อติดตามความคืบหน้าในการค้นหาตัวไปลูกสาว
โดยทางผู้การฯ ได้ให้นางวาวาร่า ดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่พบใกล้ที่พัก ก่อนการหายตัวของนักท่องเที่ยวสาว พร้อมทั้งได้อธิบายถึงขั้นตอนทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย และการค้นหาผู้สูญหายทั้งบนเชา ชายฝั่ง และในทะเล ที่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานเข้ามาช่วยต้นหา ซึ่งทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจหลังจากทราบข่าวการหายตัวไป แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบเบาะแสใดๆมากนักรวมถึงการค้นหาในทะเลก็ยังไม่พบวัตถุพยานอื่นใด ด้านนางวาวาร่า ได้แสดงความรู้สึกพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทยเป็นอย่างมาก แต่ก็ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามค้นหาต่อไป
จากนั้นจึงได้พานางว่าวาร่า ไปดูที่พักและเดินตามจุดต่างๆที่คาดว่านักท่องเที่ยวสาวเดินทางไป
ในขณะเดียวกัน น.ส.ญาดาวดี มีเพียร หัวหน้าศูนย์กู้ภัยเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้ประสานผู้นับถือศาสนาอิสลามเข้าละหมาดขอพรต่ออัลเลาะห์ ที่ศาลของพ่อตาโต๊ะและแม่ยายแม๊ะ ที่ชาวบ้านและชาวประมงบนเกาะเต่าให้ความนับถือ บนยอดเขาแหลมพ่อตาโต๊ะ หมู่ที่ 3 บ้านโฉลกบ้านเก่า พร้อมได้ขอบนบานไก่ 5 ตัว ไข่ไก่ 100 ฟอง เป็ด 1 ตัว และปะทัด 1,000 นัด หากได้พบเบาะแสของน.ส.วาเลนติน่า ที่หายไปจากเกาะเต่าเมื่อวันที่ 15 ก.พ. 60
สำหรับการค้นหาวานนี้นั้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงออกดำน้ำค้นหาจุดบริเวณอ่าวโฉลกบ้านเก่า และแหลมวิวพ้อยท์ ม.3 ต.เกาะเต่า ที่เป็นถ้ำใต้น้ำและในจุดที่มีความลึกประมาณ 7 เมตรเป็นหน้ากระดานเดินหน้าเข้าหาฝั่ง และจากความลึกระดับ 7 เมตร ออกไปสู่ทะเลในระดับความลึกประมาณ 17 เมตร เพื่อหาอุปกรณ์ดำน้ำหรือของใช้ติดตัวของผู้สูญหาย แต่ยังไร้วี่แวว
