จนมาถึงปัจจุบันซึ่งทองคำยังถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความสำคัญต่อศูนย์กลางเศรษฐกิจสมัยใหม่ทั่วโลก เนื่องจากทองคำสามารถรักษาความมั่งคั่งอย่างประสบความสำเร็จได้เป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้การเทรดทองถือเป็นอีกหนึ่งพอร์ตที่ได้รับความนิยมของนักลงทุน
โดยปกติแล้วทองคำจะถูกมองว่าเป็นที่หลบภัยสำหรับนักลงทุนในช่วงเวลาที่ตลาดและเศรษฐกิจอื่น ๆ กำลังเผชิญกับความท้าทาย และในช่วงที่เกิดภาวะเงินเฟ้อ ทองคำจะถูกมองว่าเป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงเมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มแซงหน้าอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ทองคำยังสามารถใช้เป็นเกราะป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อหุ้นดิ่งลง จะเห็นได้ว่านักลงทุนเริ่มแห่กันไปที่ทองคำมากขึ้น เนื่องจากมูลค่าของทองคำจะเพิ่มขึ้นเมื่อการลงทุนด้วยกระดาษ เช่น หุ้นและพันธบัตรมีมูลค่าลดลง ถึงแม้ว่าทองคำจะมีความผันผวนมากขึ้นในระยะสั้นก็ตาม แต่ในระยะยาวมูลค่าของทองคำก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและให้ผลกำไรที่งดงาม
เมื่อกล่าวถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ตัวอย่างเช่น ความตึงเครียดในยูเครน ยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง แอฟริกา หรือที่อื่น ๆ จะเห็นได้ชัดเจนว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นอีกหนึ่งความเป็นจริงของสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสมัยใหม่ ด้วยเหตุผลนี้ นักลงทุนจึงมักมองว่าทองคำเป็นยังที่หลบภัยที่ดีในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ด้วยเหตุนี้ทองคำจึงมักถูกพิจารณาว่าเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับการกระจายความเสี่ยง เนื่องจากราคาทองคำอาจได้รับผลกระทบน้อยจากการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ประเภทอื่น ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนได้ อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับโลหะชนิดอื่น ๆ ทองคำถือเป็นโลหะที่มีความสม่ำเสมอมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับแร่เงิน ซึ่งมีความผันผวนมากกว่าและอาจได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเนื่องจากมีการใช้ในอุตสาหกรรมมากขึ้น
อย่างไรก็ตามก็ยังมีความเสี่ยงหลายประการในการลงทุนในทองคำ อาทิ ความผันผวนของราคาในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทำให้สามารถคาดการณ์มูลค่าได้ยาก รวมถึงเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองและนโยบายระดับชาติก็อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้ และการซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อนั้นก็ไม่มีการรับประกันว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ เป็นต้น
