โพสต์ทูเดย์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยว่า มีแผนจะพบปะหารือ 3 ฝ่าย กับผู้นำเม็กซิโกและแคนาดาโดยเร็วที่สุด เพื่อเริ่มเจรจาความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า) ใหม่อีกครั้ง รวมถึงประเด็นเรื่องผู้อพยพและความมั่นคงตามแนวพรมแดนด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐยังไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม และยังไม่ระบุว่าจะมีการเจรจาประเด็นอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่ นอกเหนือจากที่เคยส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้ว่าต้องการหยุดการจ้างงานที่หลั่งไหลไปเม็กซิโก และควบคุมผู้อพยพเป็นหลัก
ด้านนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ของแคนาดา กล่าวว่า จะเริ่มการประชุมวางแผนกับคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ โดยมุ่งที่การเตรียมตัวรับมือกับรัฐบาลใหม่ของทรัมป์ ซึ่งประกาศจะรื้อการเจรจานาฟต้า และอาจกระทบต่อเศรษฐกิจแคนาดาอย่างหนัก เนื่องจากทั้งแคนาดาและเม็กซิโกต่างก็ส่งออกสินค้าไปสหรัฐมากที่สุด
ขณะที่ เดวิด แม็กนอตัน เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในข้อตกลงนาฟต้า ยังคงแสดงความเชื่อมั่นว่า การเจรจาการค้าเสรีรอบใหม่จะไม่กระทบต่อแคนาดามากนัก เนื่องจากสหรัฐพุ่งความสนใจที่การขาดดุลการค้ากับเม็กซิโกและจีนมากกว่า เพียงแต่อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการที่มุ่งลดการขาดดุลกับเม็กซิโกรวมไปถึงสินค้าจากจีนด้วย
ในวันเดียวกัน โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า แม้ทรัมป์จะประกาศไม่ร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ทว่าตราบใดที่ ยังไม่หมดเวลาการให้สัตยาบันรับรองภายในปี 2018 ก็ยังมีความหวังที่จะเกลี้ยกล่อมให้สหรัฐตระหนักถึงความสำคัญของข้อตกลงนี้อีกครั้ง
ขณะที่นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น กล่าวแสดงความ เชื่อมั่นว่า ทรัมป์จะเข้าใจถึงคุณค่าของการค้าเสรี และญี่ปุ่นจะยังคงผลักดันความตกลงทีพีพีต่อไป
