นายพชร เปิดเผยว่า หลังจากที่การประชุมก.อ.ครั้งที่ผ่านมาซึ่งมี นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ เป็นประธานคณะกรรมการ และวันนี้ได้มีตั้งคณะกรรมการสอบเพิ่มเติมขึ้นอีก 6 คน รวมเป็น 7 คน และย้ำให้สอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะเป็นการสอบสวนเพิ่มเติมจากคราวที่แล้ว ที่เคยตั้งเรื่องความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ซึ่ง ก.อ.มีความเห็นว่า ควรจะเป็นความผิดวินัยร้ายแรงจึงตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นมา และข้อเท็จจริงคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ว่าต้องสอบให้รัดกุมมากขึ้น ว่าการผิดวินัยร้ายแรงเป็นอย่างไร เพื่อให้สอดคล้องตามกฎหมายที่กำหนด และคงใช้เวลาไม่นาน
สำหรับคณะกรรมการฯประกอบด้วย ประธานกรรมการ 1 คนคือ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ (ก.อ.สายบำนาญ) เเลกรรมกา นายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอัยการสูงสุด (ก.อ.โดยตำเเหน่ง) ,นายเชาวลิต วงศานรเศรษฐ์ อธิบดีอัยการภาค 4 รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจการอัยการ ,นายสุวิช ชูตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานปกครองเพชรบุรี รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการภาค 7 (ก.อ.), นายอนุชา วัฒนวิภา อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคณะกรรมการอัยการ รักษาการในตำแหน่งรองอธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และนายมั่นเกียรติ ธนวิจิตรพันธ์ ผู้ตรวจกรอัยการ ซึ่งทุกท่านผ่านงานราชการมามาก มีทั้งผู้ที่เคยผ่านสำนักงานคดีพิเศษและบางคนเป็นคณะกรรมการร่างกฎหมายหลายฉบับจึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องการสอบสวน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคณะการการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตร นาคสุข จะสอบสวนเสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 60 วัน ซึ่งสามารถขอขยายเวลาสอบเพิ่มได้อีก 2 ครั้ง รวมแล้วไม่เคย 180 วัน
นายพชร กล่าวว่า การสอบสวนจะต้องทำให้รัดกุมเพื่อจะขยายไปถึงอัยการชื่อย่อ ช. ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถยนต์ของนายวรยุทธ หรือ บอส และถ้าหากรู้ว่าเป็นใครก็จะต้องกรรมการสอบสวนชั้นต้น อัยการคนนั้นอีกครั้ง เพื่อแยกกันดำเนินการให้รวดเร็ว โดยการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนชุดนี้มีความอิสระ ให้อำนาจพิจารณาอย่างเต็มที่
ส่วนกระแสข่าวเรื่องการขอลาออกของ นายเนตร นาคสุข และอัยการชื่อย่อ ช.นั้น ทราบว่าอัยการสูงสุดยังไม่เซ็นอนุมัติให้ลาออก แต่ถึงลาออกไปก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องการสอบสวน เพราะกฎหมายให้อำนาจสอบสวนภายใน 180 วัน
อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก