ขยะแลกผัก นโยบายการกำจัดขยะอย่างชาญฉลาดนายกเล็กป่าตอง

ภูเก็ต - “ป่าตอง” เมืองท่องเที่ยวที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ตำบลเล็ก ๆ คู่เกาะภูเก็ตที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามายลโฉมความงามของท้องทะเลและสีสันแห่งราตรี

เปรมกมล เกษรา

วันเสาร์ ที่ 9 กันยายน 2560, เวลา 12:00 น.

เมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวยิ่งมาก นั่นหมายถึงจำนวน “ขยะ” ที่เพิ่มมากขึ้นตามตัวเลขของผู้มาเยือน ในแต่ละวันเกาะแห่งไข่มุกอันดามันเกาะนี้นั้นมีขยะจำนวนมากมายหลายตัน รวมถึงขยะจากป่าตองด้วย มาดูกันว่าป่าตองเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้รับมือและจัดการกับปัญหาขยะที่มาจากผู้คนทั่วโลกนี้อย่างไร

นางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตองได้เล่าให้ข่าวภูเก็ตถึงการจัดการขยะจำนวนมากมายมหาศาลในป่าตองว่า...

“เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวเราจึงตั้งเป้าให้ป่าตองสะอาดตลอด 24 ชม. ตอนนี้เราพยายามอย่างมาก ความจริงแล้วมีจำนวนประชากรตามทะเบียนบ้านอยู่ 20,000 คน แต่ประชากรแฝงมีประมาณ 100,000-150,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้มาจากการคำนวณจากขยะที่เทศบาลตระเวนเก็บในแต่ละวันเป็นจำนวนคือ 100-150 ตันต่อวัน และต้องนำไปส่งเตาเผา เพราะตามหลักการแล้ว คนหนึ่งคนผลิตขยะได้ 1 กก.”

“ดังนั้นการเก็บขยะจึงเป็นไปอย่างลำบากเพราะจำนวนคนมีมาก และที่สำคัญคือการนำขยะไปส่งเตาเผาที่สะพานหินนั้นยิ่งลำบากเนื่องจากปัญหาการจราจร รถขยะคันหนึ่งใช้เวลาป่าตอง-สะพานหิน ระยะทาง 16 กม. รวมเวลาไปกลับ 3 ชั่วโมง วันละ 2 รอบต่อคัน เพราะฉะนั้นการระบายขยะออกจากเมืองจึงช้ามาก เราจึงต้องหาทางลดขยะ” นางสาวเฉลิมลักษณ์กล่าว

“เรากำลังรณรงค์ให้คนคัดแยกขยะจากต้นทาง ตอนนี้ทางเทศบาลได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารใหญ่ในการคัดแยกลังกระดาษ กระป๋อง เพื่อนำไปขายและนำเศษผัก ผลไม้ทำปุ๋ยชีวภาพเพื่อเอามาล้างท่อระบายนํ้าหรือรดนํ้าต้นไม้”

มะพร้าวอ่อน รสชาติหอมชื่นใจ ที่นักท่องเที่ยวนิยมรับประทานริมทะเล กลายเป็นปัญหาของเทศบาล เพราะจากนํ้าหนักต่อลูกที่มาก และเมื่อกลายเป็นขยะก็ต้องการพื้นที่บนรถขยะที่มากเช่น กัน เพราะทางเทศบาลต้องจัดเก็บลูกมะพร้าวอ่อนที่เคยเป็นอาหารต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกแสนอร่อยนี้วันละกว่า 3,000 ลูกเพื่อไปเผาทำลาย

“จากการประเมินปัญหาทั้งหมดแล้ว เราจึงพบต้นตอของปัญหาที่ทำให้ขยะนั้นมีนํ้าหนักมากคือมะพร้าวอ่อน เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวทะเลก็อยากกินนํ้ามะพร้าวให้ชื่นใจ ในวันหนึ่งเราเก็บมะพร้าวได้ถึง 2,000-3,000 ลูก ซึ่งมะพร้าวเหล่านี้นอกจากจะกินพื้นที่ในรถขยะแล้วยังเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในการเผาขยะด้วยเนื่องจากเตาเผาขยะคิดค่าเผาตันละ 520 บาท เราจึงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและได้รับคำแนะนำว่า ให้นำมะพร้าวอ่อนมาสับและผสมกับใบไม้สดและเศษผักตามตลาด นำมากองรวมกัน พรวนกองขยะทุกอาทิตย์ให้อากาศและจุลินทรีย์เข้า และมะพร้าวจะแปรสภาพเป็นปุ๋ยคอมโพส ซึ่งตอนนี้กองปุ๋ยมะพร้าวอ่อนเหล่านี้อยู่ที่โรงบำบัดนํ้าเสีย” นายกฯป่าตอง กล่าว

“ทางเทศบาลประทับใจมากกับผลที่ออกมาเพราะวิธีนี้ทำให้เราลดทั้งพื้นที่และนํ้าหนักไว้มากไม่ต้องขนมะพร้าวอ่อนไปทิ้งแล้ว และยังได้กำจัดขยะจากการตัดแต่งกิ่งไม้ในบริเวณเทศบาลป่าตองรวมไปถึงการกำจัดเศษผักและผลไม้ที่นำมาซึ่งประโยชน์ด้วย”

“ดังนั้นเราจึงมีโครงการที่จะนำปุ๋ยที่ได้มาใช้ประโยชน์ด้วยการปลูกผักที่หน้าที่หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองป่าตอง และประกาศให้ชาวบ้านได้ทราบว่าสวนครัวแปลงนี้เป็นผักปลอดสารพิษ และประชาชนสามารถนำขวดและกระป๋องมาแลกผักจากแปลงนี้กลับบ้านไปประกอบอาหารได้ ไม่ว่าจะเป็น แตงกวา บวบ ถั่วฝักยาว กวางตุ้ง คะน้า มะเขือ และได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ”

“วิธีนี้เราได้รับประโยชน์สองต่อ ทั้งการลดนํ้าหนักขยะจากมะพร้าวอ่อน การกำจัดเศษกิ่งไม้ใบไม้และเศษผักผลไม้เนื่องจากเตาเผาขยะไม่รับขยะประเภทนี้ ต่อที่สองคือเป็นการประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างลักษณะนิสัยการแยกขยะให้กับชาวบ้าน และเป็นการประหยัดงบประมาณการกำจัดขยะเพราะในปีหนึ่ง ป่าตองใช้งบประมาณ 70 ล้านบาทในกระบวนการจัดการขยะทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นการกวาด เก็บ ขน และเผาขยะ”

“ในตอนนี้จึงถือว่าได้รับความร่วมมือจากทั้งผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และชาวบ้านทั่วไปในการคัดแยกขยะเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเทศบาลเมืองป่าตองได้เป็นอย่างดี”

 “แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรายังไม่ได้นำปุ๋ยจากมะพร้าวอ่อนมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากยังต้องศึกษาเรื่องระเบียบของเทศบาลว่ารายได้จากการขายขยะที่ชาวบ้านนำมาขายนั้นควรจัดเก็บไว้ที่ส่วนใด หากมีการศึกษาเรื่องระเบียบอย่างละเอียดแล้วก็จะดำเนินโครงการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป”

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่