จนกระทั่งมาถึงจุดที่ฉันส่องกระจกทีไรก็รู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้น ใส่เสื้อผ้าก็ไม่สวยเหมือนก่อน เอวก็เริ่มหายไป หน้าก็เริ่มจะกลมเสียแล้ว และเมื่อได้ยืนบนตาชั่ง ความจริงก็ยิ่งชัดเจน ด้วยความที่ทำงานออฟฟิศ มื้อเช้าก็แสนรีบเร่ง ได้ทานบ้างไม่ได้ทานบ้าง มักจะมีน้ำหวานติดมือมาตลอด มื้อเที่ยงก็กินอาหารตามสั่งเมนูพื้นฐานอย่างผัดกะเพราเพิ่มไข่ดาวที่น้ำมันเยิ้มๆ ตามด้วยชานมอีกหนึ่งแก้ว ตอนเย็นกว่าจะเลิกงานก็หิวมาก ต้องรีบหาอะไรกินและมันก็จะหนักที่มื้อเย็นเพราะเหลือเวลาเยอะ กว่าจะเสร็จสรรพก็มืดค่ำ หมดไปหนึ่งวัน เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 2 เดือนจะไม่ให้น้ำหนักขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อไม่ได้ขยับไม่ได้ออกกำลังกายเอาซะเลย
คิดว่าปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ฉันจึงตัดสินใจลดน้ำหนักโดยการกินคลีน แต่กินคลีนในแบบของฉันไม่ได้คลีนไปเสียทีเดียว แค่เปลี่ยนจากข้าวขาวมาเป็นข้าวไรซ์เบอรี่ มีเมนูผักเป็นหลัก และใช้น้ำมันให้น้อยที่สุดหรือไม่ใช้เลย ปรุงรสให้น้อยลง เรียกว่าปรับให้เหมาะกับตัวเองจะได้ไม่กดดันจนเกินไป ทุกวันฉันตื่นหกโมงเช้าเพื่อมาทำอาหารเช้าและมื้อเที่ยงใส่กล่องไปทานที่ออฟฟิศ เมนูก็จะเป็นเมนูง่ายๆ อย่างเช่น แกงจืดเต้าหู้ไก่สับ ผัดกะหล่ำปลีอกไก่ ผัดฟักทองกับไข่ ไก่กระเทียมพริกไทย และ สลัดไข่ต้ม และยังมีของว่างอย่างกล้วยน้ำว้าอบ เอาไว้ทานเป็นมื้อว่างยามบ่าย เพื่อไม่ให้หิวเกินไปในมื้อเย็น
หากใครที่ติดทานขนมหรือของว่าง ฉันแนะนำลองทำกล้วยอบทานดู มันอร่อย มีประโยชน์แถมไม่อ้วนอีกต่างหาก วิธีการทำก็คือ เลือกกล้วยที่กำลังห่ามๆ ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นตามยาว ลูกหนึ่งจะได้ประมาณ 8 ชิ้น นำไปอบในเตาอบ 200 องศา 30 นาที หากใช้หม้ออบลมร้อนใช้ความร้อน 160 องศา 22 นาที แค่นี้เราก็จะได้กล้วยอบหนึบๆ ไว้ทานเล่นแล้ว
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักที่ดีก็ต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายจึงจะได้ผลดีที่สุด และที่สำคัญห้ามอดอาหารเด็ดขาด เพราะการอดอาหารจะทำให้เกิดการโยโย่ในภายหลังไม่ต่างอะไรกับการกินยาลดความอ้วน ทางที่ดีเรามาเลือกรับประทานอาหารกันดีกว่า เลือกสิ่งดีดีให้ร่างกายเพราะเรากินอะไรเข้าไปเราก็ได้อย่างนั้นนะคะ
