พวกเขาเห็นพ้องต้องกันในการที่จะทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเรียบง่ายโดยมีเป้าหมายเดียว คือการช่วยเหลือผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมโลกสองหรือสี่ขา ด้วยเหตุผลเหล่านี้ พวกเขาจึงประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างและให้การต้อนรับเพื่อนสมาชิกคนใหม่ ๆ เข้ามาร่วมเป็นทีมเดียวกัน และพร้อมที่จะเดินไปด้วยกัน
“ภูเก็ตเต็มไปด้วยบุคคลที่มีความคิดตรงกัน คือเป็นผู้ที่มีความต้องการในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเกาะภูเก็ต และเพื่อประโยชน์ของประเทศโดยรวม” ไมเคิล ฟาร์เรล ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าว
ประเทศไทยปิดประตูในการต้อนรับนักท่องเที่ยวเมื่อปี 2563 เฉกเช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ สืบเนื่องจากสถานการณ์ของการแพร่ระบาด ซึ่งพวกเขาเริ่มมองเห็นว่าภูเก็ตนั้นพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก จากการรับทราบข้อมูลและการสังเกตจากข่าวและสื่อต่าง ๆ ที่พบว่ามีผู้คนมากมายกำลังดิ้นรนที่จะหาอาหารมาเลี้ยงปากท้อง และพยายามเข้าถึงความต้องการขั้นพื้นฐาน
“นอกจากนี้ การได้เห็นความช่วยเหลืออันน่าทึ่งที่กลุ่มอื่น ๆ เช่นสิ่งที่ไฟว์สตาร์มารีนได้ทำอยู่นั้นนำไปสู่การตระหนักว่ามันคือสิ่งที่สมควรทำและสามารถทำได้มากกว่านี้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ GRIP IT ถือกำเนิดขึ้น เช่นเดียวกับวงดนตรีร็อกที่เกิดขึ้นในโรงรถ และนี่คือข้อความที่เพื่อน ๆ ต่างก็พยายามที่จะส่งออกไป เพื่อให้ทุกคนได้รับทราบโดยทั่วกัน” ไมเคิล กล่าว
และนั่นก็คือ “GRIP IT” ซึ่งมาจากโรเบิร์ตผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนหนึ่ง หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลจากเพื่อนในมหาวิทยาลัย พวกเขาเปรียบมันกับช่วงเวลาชีวิตที่การลงมือทำบรรลุผลที่เหนือกว่า เหมือนกับการได้ช่วยแมวลงจากต้นไม้ หรือการทำประตูได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในสนามฟุตบอล หรือง่ายเหมือนการซื้ออาหารให้คนแปลกหน้าหรือการหยุดเพื่อเล่นกับเด็กสักคน และนั่นคือจุดเริ่มต้น เพราะ “ GRIP IT” คือการลงมือปฏิบัติและการช่วยเหลือผู้อื่นนั้นเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตอยู่
“นับตั้งแต่การก่อตั้งทีมงานของเราได้เดินทางไปในหลายหมู่บ้านทั่วภูเก็ต ทั้งในพื้นที่ตำบลกะทู้ เกาะสิเหร่ ฉลอง และราไวย์ พวกเรานำอาหารร้อนปรุงสดใหม่ ชุดปฐมพยาบาลและสุขอนามัย รวมถึงถุงยังชีพไปมอบให้กับผู้คนกว่า 1,500 ครอบครัว และจากการกระทำเหล่านั้นทำให้พวกเข้าใจชาวภูเก็ตมากขึ้น เพราะการระบาดใหญ่ในครั้งนี้ได้ดึงเอาคุณภาพชีวิตไปจากพวกเขา แต่ถึงแม้จะต้องตกอยู่ในภาวะอันยากลำบาก ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเกาะภูเก็ตก็ยังเป็นมิตรและดูมีความสุข” ไมเคิล กล่าว
“นอกจากนี้ ทีมงานรู้สึกโชคดีและอยากจะขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนที่สละเวลาและให้การสนับสนุนในครั้งนี้ และขอขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับคุณคนิษฐ์ จิตจำนงค์ภักดี สำหรับการช่วยเหลือในอาหาร 2 มื้อแรก และผู้นำชุมชนทุกท่าน ที่ช่วยทำให้งานดำเนินไปได้อย่างราบรื่น”
“และขอมอบคำขอบคุณอย่างสูงให้กับคุณไพบูลย์หรือที่รู้จักกันในนามจอห์นนี่ สำหรับการอำนวยความสะดวกมากมาย ที่ทำให้กริปอิทยังสามารถทำงานต่อไปได้” เขากล่าวเสริม
เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน กริปอิทได้ริเริ่มแคมเปญเสื้อผ้ากับโรงยิมในพื้นที่ 2 แห่งคือ Unit 27 และ Alpha ซึ่งพวกเขาจะรวบรวมและแจกจ่ายเสื้อผ้าในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อนกิจกรรมในด้านเสื้อผ้าพื้นที่ฉลอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมาก ที่ยังต้องการเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม
ท่านที่ต้องการบริจาคเสื้อผ้าสามารถติดต่อ GRIP IT ได้โดยตรงผ่านหน้า Facebook
(@gripitforward) และ Instagram (@gripit_forward) หรือไปที่โรงยิมทั้งสองแห่งที่เข้าร่วม และในเทศกาลวันหยุดนี้ GRIP IT จะพยายามช่วยเหลือเด็ก 5,000 คนทั่วประเทศไทย นับเป็นเป้าหมายที่ต้องใช้ความพยายามมากผ่านความช่วยเหลือจากหลายองค์กรและอาสาสมัคร ติดตามพวกเขาได้ทั้งในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊ก
