โดยหนึ่งในคนร้ายคือ นายสิรัฐชล ณ นคร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/948 ม.1 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ตได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ไปก่อเหตุขโมยกระเป๋าเครื่องสำอางที่วางหน้าตระกร้ารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้บริเวณลานจอดรถห้างเทสโก้โลตัส เจ้าฟ้าตะวันออก ในพื้นที่สภ.วิชิต ซึ่งภายหลังจากถูกจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพว่าขโมยรถจริง พร้อมกับอ้างว่าหลังจากขโมยรถ เห็นมีการโพสต์ข้อความตามหาผ่านเฟซบุ๊ก กลัวความผิดจึงกลับใจนำรถไปคืน แต่สุดท้ายถูกจับดำเนินคดี (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
พ.ต.อ.บัณฑิต ขาวสุธรรม ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ตามที่ได้มีผู้เสียหาย มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ว่ามีเป็นชาย 2 คน ไม่ทราบชื่อ ได้ร่วมกันลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีชมพูขาว ทะเบียน 1 กฆ 6253 ภูเก็ต ไปจากบริเวณหน้าร้านเสริมสวยดาริน โดยปรากฏภาพตามกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่อุกอาจ ก่อเหตุในเวลากลางวัน ในที่สาธารณะ ชุมชน ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง
กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต โดยการนำของ พ.ต.อ.บัณฑิต ได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษให้จงได้ ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต จึงได้ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายคือ นายสมชาย มาตศรี อายุ 35 ปี ที่อยู่ 49/1923 ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จว.ภูเก็ต และนายสิรัฐชล จึงได้ขออนุมัติออกหมายจับแก่บุคคลทั้งสอง
ต่อมาในวันที่ 12 ก.พ. ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต สามารถติดตามจับกุมนายสมชายได้บริเวณหอพักแห่งหนึ่ง โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม” ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.55/2563 ลง 12 ก.พ.2563 ส่วนนายสิรัฐชล หลังจากได้ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายไปแล้ว ได้นำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ไปก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ ต.วิชิต จนกระทั่งถูกจับกุมและควบคุมตัวไว้ยัง สภ.วิชิต
ส่วนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายนั้น นายสิรัฐชลสารภาพว่าเมื่อมีภาพของตนเองขณะก่อเหตุประกฎในโซเชียลก็รู้สึกกลัวความผิด จึงได้จึงได้นำรถจักรยานยต์ไปจอดคืนให้ผู้เสียหาย และได้โทรศัพท์ขอร้องไม่ให้ผู้เสียหายเอาผิดตนและเพื่อน
ในเรื่องนี้ พ.ต.อ.บัณฑิต กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ทำการอายัดตัวตามหมายจับแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แก่ผู้ที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอีก