ภรรยาสุดทนแทง ส.ต.อ.ไซเบอร์อารมณ์ร้อนหวิดดับ

ภูเก็ต - สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2567 เวลาประมาณ 21.00 น. พ.ต.ท.ปฏิวัติ ยอดขวัญ รอง ผกก.(สอบสวน)สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ภ.จว.ภูเก็ต ว่ามีเหตุทะเลาะกัน โดยใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ภายในหมู่บ้าน บนถนนบ่อกรวด ม.1 ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุด้วย

เอกภพ ทองทับ

วันอาทิตย์ ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567, เวลา 23:14 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

หลังจากรับแจ้งจึงรายงาน พ.ต.อ.นิกร ชูทอง ผกก.สภ.ถลาง ทราบพร้อมประสานรถ รพ.ถลาง รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจและชุดสืบสวน สภ.ถลาง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน มีรั้วรอบขอบชิด บริเวณหน้าบ้านบนพื้นพบคราบเลือดเป็นจำนวนมาก ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อภายหลังคือ ส.ต.อ.กฤตภาส อายุ 32 ปี จนท.ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ (รับผิดชอบพื้นที่ภูเก็ต) ได้รับบาดเจ็บนอนที่พื้นหน้าบ้านหลังดังกล่าว มีบาดแผลถูกที่บริเวณไหปลาร้าขวา 2 แห่ง และมีบาดแผลที่ฉีกขาดจากของมีคมที่แก้ม 2 แผล นำส่ง รพ.ถลาง เป็นการด่วนและส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.วชิระภูเก็ต ในเกิดเหตุพบ น.ส.หฤทัย อายุ 31 ปี ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุ สวมเสื้อยืดสีชมพู ใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อผ้าที่สวมใส่มีรอยเปื้อนเลือด และตรวจร่างกายเบื้องต้น มีร่องรอยฟกช้ำที่แขนขวาและไหล่ขวา แขนซ้ายบริเวณมีรอยขีดข่วนและเข่า 2 ข้าง รอยฟกช้ำและลำคอ ตรวจสอบพบอาวุธมีดทำครัวด้ามสีดำปลายแหลมความยาวประมาณ 20 นิ้ว (เปื้อนเลือด) 1 เล่ม วางอยู่บริเวณตรงหน้าบ้านที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.หฤทัย ให้การรับว่าเป็นภรรยา ส.ต.อ.กฤตภาส มีบุตรด้วยกัน 1 คน อายุ 1 ปีเศษ และพักอาศัยที่บ้านพักที่เกิดเหตุด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุ ส.ต.อ.กฤตภาสไม่พอใจนางลัดดามีศักดิ์เป็นยายพักอาศัยบ้านเดียวด้วยกัน ที่นางลัดดาเคลื่อนย้ายกระเป๋าโน้ตบุ๊คของตนที่วางขวางเกะในบ้านพัก มีการต่อว่า น.ส.หฤทัย ต่อมา นายสุบิน บิดาของ น.ส.หฤทัย เข้ามาที่บ้านพักและพูดเตือนให้เคารพกัน ทำให้ ส.ต.อ.กฤตภาส ไม่พอใจเพิ่มขึ้นด่าว่านายสุบิน ผลักอก และมีท่าทางจะชักอาวุปืน น.ส.หฤทัย จึงได้เข้าห้าม ระหว่างกลางและนายสุบินผู้เป็นพ่อกลับบ้านพักไป

จากนั้น ส.ต.อ.กฤตภาส  จะพาบุตรสาวออกจากบ้านพัก แต่ น.ส.หฤทัย ไม่ยอมจึงได้ยื้อแย่งลูกกัน ขณะที่ส.ต.อ.กฤตภาส  อุ้มลูกพาหลบหนีออกจากบ้านพัก น.ส.หฤทัย เข้าไปขวางและถูก ส.ต.อ.กฤตภาส บีบคอและทำร้ายร่างกายจนมีแผลรอยขีดข่วนตามร่างกาย น.ส.หฤทัย จึงวิ่งไปเอามีดทำครัวแทง ส.ต.อ.กฤตภาส จนได้รับบาดเจ็บอันตรายสาหัส หลังทราบเรื่องเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีต่อไป

ล่าสุดวันนี้ (25 ก.พ.)ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจยังใช้เส้นแนวกั้นของตำรวจกั้นที่เกิดเหตุไว้ เพื่อรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ตเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณบนพื้นหน้าบ้านภายในรั้ว พบคราบเลือดจำนวนมาก และมีร่องรอยผ้าที่ใช้ซับเลือดกองอยู่บนพื้น

ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายสุบิน อายุ 58 ปี พ่อของ น.ส.หฤทัย เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตอนหัวค่ำยังไม่มีปัญหากัน ตนมาถึงตอนค่ำซื้อของกินมาให้หลาน ลูกเขยวางกระเป๋าไว้ตรงทางเดินแล้วทางเดินแคบ ยายขยับกระเป๋าแล้วเขาก็ต่อว่ายาย โดยปกติอยู่กันสองคนผัวเมียส่วนยายมาเลี้ยงหลาน หลังจากนั้นลูกสาวก็บอกว่าให้เกียรติกันบ้าง แต่คุยไม่ลงตัว ตนก็เข้ามาบอกพอได้แล้วหยุดได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็บอกมึงเอาไง ลุกขึ้นมาจะชกตน ทำท่าชักปืนใส่ตน ลูกสาวก็ลุกขึ้นมาบอกว่าอย่าชักปืนใส่พ่อตน ลูกสาวก็กันเอาไว้ สักพักคุณยายลงมาจากชั้น 2 แล้วถามว่ามีอะไรกัน เขาจะชกยายซึ่งเป็นคนแก่อายุ 70-80 ปี ตนกับลูกสาวผลักไล่ยายขึ้นข้างบนไปอาบน้ำแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน จากนั้นแฟนตนอุ้มหลานออกหลังบ้านเขาวิ่งตาม หลังจากนั้นผลักตน ผลักลูกสาว พอลุกขึ้นมาก็เจ็บกันทั้งคู่

ทั้งคู่อยู่กันประมาณ 3 ปี ปกติผู้ชายเป็นคนก้าวร้าว เคยทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อย ลูกสาวตนจะเป็นฝ่ายยอมตลอด อยากกินข้าวก็หาให้กินอยากกินอะไรก็หาให้กิน แต่ไม่ค่อยช่วยเรื่องในบ้านอะไร ไม่ค่อยสนใจ ส่วนคดีตอนนี้ตนก็ยังไม่รู้ หลังจากเสร็จเรื่องแล้วจะไม่ให้เขาอยู่ด้วยกันแล้ว

ด้านนางธัญชนก อายุ 50 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ได้เข้าไปช่วยเหลือ พร้อมห้ามปราบขณะที่ทั้งคู่เหมือนจะกำลังแย่งมีดกันอยู่ โดยผู้ชายทับอยู่บนตัวผู้หญิงมีเลือดเปื้อนบนตัวของทั้งคู่

“ตอนนั้นรู้สึกตกใจมาก แต่ยังตั้งสติออกไปช่วยเขา โดยไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเองอยากช่วยเขาให้ปลอดภัยก่อน” เธอกล่าว

เธอเล่าต่อไปว่า ภรรยาเป็นคนนิสัยดี เรียบร้อย พูดเพราะอัธยาศัยดีมาก คุยกันประจำเป็นเพื่อนบ้านที่นิสัยดีสุภาพเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีมาก และไม่เคยมาคุยเรื่องครอบครัวเรื่องชีวิตให้ฟัง คุยแต่ถึงลูกสาว ส่วนผู้ชายจะอยู่แต่ในบ้าน เห็นแค่ผ่าน ๆ  ทักทาย ยิ้มไม่เคยได้คุยกัน

“ไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ที่ได้วิ่งมาดูมาช่วยเพราะเห็นน้องยืนร้องไห้และเห็นเลือด ไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตัวเอง ช่วยแจ้งว่าไม่ให้เกิดเหตุร้ายไปกว่านี้” 

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่