ล่าสุดวันนี้ (24 ก.พ. 67) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณโรงปรับปรุงคุณภาพน้ำย่อย อ่าวบางเทาในพื้นที่ตำบลเชิงทะเลมูลค่ากว่า 355 ล้าน สร้างเมื่อปี 2550-2560 โดยมีเจ้าหน้าที่รับเหมาของบริษัทเอกชนกำลังปฏิบัติงานอยู่บริเวณดังกล่าว และได้ลงสำรวจบริเวณริมหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง พบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยน้ำลงสู่ทะเล และได้พบคราบตะไคร่น้ำอยู่บริเวณริมขอบแอ่งน้ำที่ขังบนชายหาด ทำให้มองดูเป็นลักษณะน้ำสีดำแต่ไม่มีกลิ่นออกมา ผู้สื่อข่าวยังได้ตรวจสอบเส้นทางน้ำไหลลงสู่ทะเล จนถึงปลายน้ำ พบว่าน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลเป็นน้ำใสและไม่มีกลิ่น และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวนมากที่ได้ลงเล่นน้ำและ เดินผ่านบริเวณดังกล่าว
ดร.จตุรงค์ คงแก้ว รองคณบดีฝ่ายบริหารและทรัพยากรบุคคล คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ซึ่งลงตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว กล่าวว่า ในส่วนของโรงบำบัดน้ำเสียมีการรายงานค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ ของการบำบัดน้ำ ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ถ้าดูด้วยสายตาน้ำไม่ได้ขุ่น ไม่ได้มีกลิ่นน้ำที่ออกไปด้านนอก ตรงปลายคลองออกพื้นทรายเป็นสีขาวก็จะดูเป็นน้ำปกติ แต่พอมาดูด้านในที่น้ำเป็นตะไคร่เหมือนว่าน้ำดำแต่จริง ๆ คือน้ำมันใส
การที่มีตะไคร่น้ำเป็นการบอกคาแรคเตอร์น้ำได้บางอย่าง อาจจะมีค่าอะไรในน้ำที่มันเพิ่มมากขึ้น เข้าใจว่าในช่วงหน้าแล้งน้ำธรรมชาติมันน้อยด้วย ก็เลยทำให้ตะไคร่น้ำมากขึ้น วิธีแก้ที่เร็วที่สุดคิดว่าต้องติดตั้งกังหันน้ำ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้น้ำบรรเทาไปก่อน ส่วนเรื่องของการแก้ปัญหาระยะยาวต้องไปลองดูในส่วนของโรงงานอีกทีว่าพารามิเตอร์ ต่าง ๆ ถึงจะไม่ได้เกินมาตรฐานในการวัดต่อครั้ง แต่เวลาน้ำไหลช้าลงอาจจะมีภาวะที่ผลกระทบสะสมได้หากมีน้ำขังไว้นาน ๆ ก็จะเป็นอีกมิติหนึ่ง ดร.จตุรงค์ กล่าว
หลังจากนี้ทาง ดร.จตุรงค์ก็จะได้นำข้อมูลที่ได้ไปแจ้งกับนายก อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือกันต่อไป
