ขบวนการจีนเทา หลอกพาหญิงไทยขายไข่ผสมเทียมที่จอร์เจีย

ขบวนการจีนเทา ผุดธุรกิจบาป ค้ามนุษย์ หลอกพาหญิงไทยขายไข่ผสมเทียม ที่จอร์เจีย ยึดพลาสปอร์ต กักขัง บังคับหาเงินไถ่ตัว

โพสต์ทูเดย์

วันอังคาร ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568, เวลา 11:00 น.

นางปวีณา หงสกุลประสาน พล.ต.ต.สุระพันธุ์ ไทยประเสริฐ ผบก.กองการต่างประเทศ และทีมงานตำรวจสากลไทย ได้ประสานตำรวจสากลระหว่างประเทศ นำกำลังตำรวจสากลประมาณ 30 นาย ช่วยเหลือเหยื่อหญิงไทย 3 คน ออกมาจากบ้านของจีนเทาในประเทศจอร์เจีย ซึ่งทำธุรกิจค้ามนุษย์ขายไข่สืบพันธุ์ส่งไปประเทศที่ 3 เพื่อทำเป็นเด็กหลอดแก้ว และขายอวัยวะต่าง ๆ

โดยตำรวจสากลระหว่างประเทศนำทั้ง 3 คนส่งบ้านพักชั่วคราว และมูลนิธิปวีณาฯ จัดส่งตัวเครื่องบินให้กลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพในวันที่ 30 ม.ค. 67 และยังมีหญิงไทยที่รอความช่วยเหลืออีกกว่า 100 คน จึงจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์เพื่อเตือนภัยหญิงไทย

ความเป็นมา

น.ส.นา (นามสมมติ) จ่ายเงินค่าไถ่ตัว 70,000 บาท เพื่อกลับประเทศไทย เข้าร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯ วันที่ 27 ก.ย.67 แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นเซลล์ขายของแต่รายได้ไม่พอรายจ่ายเพราะว่ามีลูก 1 คน จึงอยากหาอาชีพเสริมช่วยสามีใช้หนี้ ช่วงเดือน ก.ค. 67 ตนได้หางานในโซเชียลโดยค้นหาคำว่า "หางานทำในบ้าน หางานต่างประเทศ" จนได้พบเพจเฟซบุ๊กหนึ่งที่อ้างว่า "มีงานสำหรับผู้หญิง รายได้ 4-6 แสนบาท"

ตนจึงติดต่อไป แอดมินบอกว่าเป็นงานอุ้มบุญที่ถูกกฎหมายในประเทศจอร์เจีย ซึ่งมีทางพ่อแม่ชาวต่างชาติที่มีลูกยากจะมาเซ็นสัญญาให้อุ้มบุญ จะดูแลอย่างดีมีที่กินอยู่อย่างสบาย รายได้ 4-6 แสนบาท พร้อมกับจะออกค่าใช้จ่ายในการทำพาสปอร์ตและจ่ายค่าเดินทางให้ทั้งหมด ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินเรื่องประมาณ 1 เดือน

เส้นทางการเดินทาง

จากนั้นทางแอดมินก็ให้ตนไปทำพาสปอร์ตและนัดเดินทางในวันที่ 30 ส.ค.67 โดยไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอู่ตะเภา เมื่อถึงวันนัดหมายพบว่ามีสาวไทยที่ร่วมเดินทางไปด้วยอีก 10 คน และมีผู้นำพาเป็นสาวไทย 1 คน รวมทั้งหมด 12 คน ซึ่งแต่ละคนไม่รู้จักกัน ผู้นำพาได้ให้เงินติดตัวคนละ 500 ดอลลาร์ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 15,000 บาท บอกว่าเอาไว้โชว์เวลาที่เจ้าหน้าที่ ตม.ตรวจ

เครื่องบินไปลงที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรต ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องไปลงที่ประเทศอาร์มีเนีย ผู้นำพาได้ให้ทุกคนนอนค้างที่โรงแรม 3 คืนและพาไปที่ต่างๆ เพื่อถ่ายรูป วันที่ 4 ได้เดินทางโดยรถไฟเข้าประเทศจอร์เจีย ใช้เวลาประมาณ 10 กว่าชั่วโมง

HeadStart International School Phuket

เมื่อไปถึงจอร์เจียผู้นำพาได้ให้สาวไทยทั้งหมดเข้าพักในโรงแรม 1 คืนและยึดพาสปอร์ตทุกคน ก่อนจะพาไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อที่ขนาดใหญ่และในบริเวณมีบ้านอยู่ 4 หลัง วันต่อมาตนถูกนำตัวไปที่บ้านหลังที่ 1 ซึ่งเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดพบสาวไทยอยู่รวมกันกว่า 60 คน บางคนสภาพร่างกายทรุดโทรมนั่งร้องไห้บอกว่าอยากกลับบ้าน

วันต่อมาตนถูกย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ 2 ที่มีสาวไทยอยู่ 10 กว่าคน ตนสังเกตเห็นว่าที่บ้านทั้ง 4 หลังมีแต่สาวไทยรวมแล้วประมาณ 100 รายได้ และบริเวณดังกล่าวจะมีคนจีนเข้าออกตลอดเวลา ตนได้สอบถามกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยู่ในนั้นจนทราบว่า หญิงสาวเหล่านั้นถูกหลอกมาให้อุ้มบุญ แต่ก็ไม่มีพ่อแม่ต่างชาติคนไหนมาให้เซ็นสัญญาจ้าง ทุกคนจึงถูกบังคับให้ขายไข่ คนที่ยอมก็จะถูกรีดไข่ทุกเดือนเหมือนไม่ใช่คน สภาพร่างกายย่ำแย่ คนที่ไม่ยอม อยากกลับบ้าน ก็ถูกเรียกค่าไถ่ตัวอ้างว่า เป็นค่าเดินทางและค่ากินอยู่ 50,000-70,000 บาท

เหยื่อหญิงสาวหลายคนเล่าว่าต้องทนอยู่เพราะไม่มีเงินไถ่ตัวและถูกข่มขู่ว่า หากกลับประเทศไทยก็จะถูกจับกุมดำเนินคดี หญิงสาวที่อยู่ในบ้านทั้ง 4 หลัง จะมีคนจีนเข้าออกพาไปเก็บไข่หมุนเวียนกันอยู่ตลอด สำหรับคนที่จะถูกรีดไข่จะมีการถูกฉีดยากระตุ้นการตกไข่ก่อนเพื่อให้ไข่ตกหลายใบและเมื่อไข่พร้อมปฏิสนธิก็จะถูกนำตัวมาวางยาสลบและใช้เครื่องมือดูดไข่ออกไป โดยไม่รู้ชะตากรรมของทารกเหล่านั้นที่จะต้องเป็นเหยื่อค้ามนุษย์จะเป็นเช่นใด?

สภาพร่างกายก็ย่ำแย่ไปทุกที หญิงสาวทุกคนที่นั่นเหมือนตกนรกทั้งเป็น ส่วนตนเองเมื่อรู้ว่าถูกหลอกและไม่ยอมรีดไข่ จึงได้ติดต่อญาติเพื่อขอให้หาเงินส่งมาไถ่ตัว 70,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีคนในขบวนการที่คาดว่าเป็นหัวหน้า จากนั้นจึงได้รับการปล่อยตัวและซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับไทยวันที่ 9 ก.ย.67

ก่อนที่ตนจะกลับประเทศไทยมีเพื่อนสาวไทย 3 รายที่ถูกหลอกไปเหมือนกัน ซึ่งไม่ต้องการให้กลุ่มคนจีนรีดไข่ และไม่มีเงินค่าไถ่ตัวได้ขอร้องให้ตนหาทางช่วยให้ได้กลับบ้าน ตนจึงเข้าร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือเพื่อนสาวไทยทั้ง 3 รายด้วย

โดย นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานตำรวจสากลที่ไทยร่วมกับตำรวจสากลระหว่างประเทศนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 30 นายเข้าไปช่วยเพื่อนทั้ง 3 คนออกจากบ้านหลังดังกล่าวที่จอร์เจีย และมูลนิธิปวีณาฯ ได้ช่วยเหลือค่าเครื่องบินในการเดินทางกลับไทยอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา

อ่าน โพสต์ทูเดย์


 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่