หัวหน้าการ์ดราษฎรมั่นใจมือที่สามแทรกแซงม็อบสร้างสถานการณ์
14 กุมภาพันธ์ 2564, 15:34
“ปิยรัฐ จงเทพ" หัวหน้ากลุ่มการ์ดวีโว่ เชื่อมีกลุ่มมือที่สามแทรกแซงในการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเพื่อสร้างสถานการณ์หน้าแนวปะทะ แฉมีกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรงไม่ฟังแกนนำและยุยงมวลชน แถมด่าทีมงานที่ดูแลการชุมนุม นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้ากลุ่มการ์ด วีโว่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่เมื่อคืนวันที่ 13 ก.พ.64 โดยตั้งข้อสังเกตว่า มีขบวนการแทรกแซงจากมือที่สาม โดยระบุเนื้อหาดังนี้ เหตุความผิดปกติเมื่อคืน มีความเป็นไปได้ว่ามีขบวนการแทรกแซงเพื่อสร้างสถานการณ์หน้าแนวปะทะ จากการไล่สอบข้อเท็จจริงการ์ดที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกันหลายๆกลุ่มเมื่อวานนี้ พบข้อเท็จจริงเบื้องต้นคือ 1) ขณะที่แกนนำกำลังเจรจากับตำรวจด้วยดี มีกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรงไม่ยอมรับการเจรจา มีชายวัยกลางคนพูดจาให้ท้ายและยั่วยุตลอดเวลา และมีเสียงดังคล้ายปะทัดลูกบอลตามมา จำนวนหลายลูก การ์ดพยายามห้ามปรามกันแต่ไม่ยอมฟัง 2) กลุ่มที่ปั่นป่วนมีการแสดงความไม่พอใจ staff ที่เข้าไปห้ามปราม ถึงขั้นจะทำร้ายร่างกายกัน การ์ดที่ทำหน้าที่พยายามหักห้ามใจ อดทนอดกลั้นเพื่อให้งานเดินต่อไปได้ โดยในวันนี้ (14 ก.พ.) ม็อบราษฎร แถลงการณ์ย้ำไม่ใช้ความรุนแรง ลั่นจะสู้จนกว่าไทยจะมีความเสมอภาค กลุ่มราษฎร ยืนยันแนวปฏิบัติไร้ความรุนแรง-จนท.ไม่มีสิทธิจับอย่างไม่เลือกหน้า เผยจะสู้จนกว่าจะไม่มีคนใดถูกจับโดยไม่เป็นธรรม ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์การเคลื่อนไหวและการปะทะเมื่อวานนี้ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "ราษฎร" ของกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง เรื่อง ปฏิบัติการไร้ความรุนแรงโดยมีเนื้อหาดังนี้ จากกรณีที่ตำรวจใช้กำลังสลายการชุมนุม ณ บริเวณ หน้าศาลฎีกาและบริเวณใกล้ท้องสนามหลวง ในช่วงเวลาค่ำ ของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยปรากฏการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชน ซึ่งต่อมามีรายงานการใช้กำลังทำร้ายและเข้าจับกุมประชาชน และมีการใช้กำลังประทุษร้ายหน่วยแพทย์ในที่ชุมนุม กิจกรรมภายในวันนี้ราษฎร ได้เริ่มต้นกิจกรรมโดยการระดมพลในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15:00 น. และถัดมาได้มีการดำเนินกิจกรรมการรื้อกระถางต้นไม้ ในเวลา 17:30 น. โดยในเวลาต่อมาราษฎรได้มีการเดินขบวนในเวลา 18:00 น. โดยได้ทำการเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาถึงที่บริเวณหน้าศาลฎีกาใกล้ท้องสนามหลวง ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าวได้มีการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ และได้ทำการยุติการชุมนุมตอนเวลา 20:00 น. ราษฎร ขอยืนยันในหลักการของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง ซึ่งได้ประกาศ ณ ที่ชุมนุมว่า มวลชนสามารถตอบโต้หากมีการใช้ความรุนแรงจากภาครัฐได้ ซึ่งได้แก่วิธีการอื่นใดอันไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงในทางกายภาพต่อปัจเจกบุคคล ราษฎร ยืนยันในหลักการและแนวทางของปฏิบัติการไร้ความรุนแรง และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐไม่มีสิทธิใช้ความรุนแรงกับผู้ที่ใช้เสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และการจับกุมอย่างไม่เลือกหน้าเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายไทยและกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ถึงที่สุดพวกเราขอยืนยันว่า พวกเราจะยังคงยืนหยัดที่จะสู้จนกว่าจะไม่มีประชาชนคนใดถูกจับโดยไม่เป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าประชาชนในประเทศนี้จะมีความเสมอภาคเป็นธรรม พวกเราจะสู้ต่อไปจนกว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และประเทศมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก








เตือน แบ่งซองขายบุหรี่ โทษสูงสุดปรับ 4 หมื่น
25 มกราคม 2564, 10:11
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า กรมควบคุมโรค โดยอำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ลงพื้นที่ตรวจเตือน และบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของโรคโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบผู้ประกอบการมีการตั้งแผงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตในลักษณะที่มีการแบ่งขาย และไม่มีใบอนุญาตขายสูบ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 27(7) และมาตรา 39 วรรค 2 พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 กรมควบคุมโรค เตือน การฝ่าฝืนการแบ่งซองขายบุหรี่ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท ทั้งนี้ หากประชาชนหรือผู้ประกอบการมีข้อสงสัยในการปฏิบัติตามกฎหมายสามารถสอบถาม คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค โทร. 0 2590 3852 อ่านโพสต์ทูเดย์ คลิก