ภายหลังการประชุมฯ พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า วันนี้เป็นตัวแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดตามความคืบหน้าในคดีของ นางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ(น้องมิ้นท์) นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้เกิดอาการวูบเป็นลมขณะทำกิจกรรมกีฬาของคณะ ถูกนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเป็นเหตุให้เสียชีวิตเมื่อเย็นวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา
การประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตและพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสอบพยานทั้งเพื่อนนักศึกษา ทั้งรุ่นพี่ และแพทย์ โดยเฉพาะนักศึกษาที่เป็นคนสั่งให้ทำกิจกรรมได้มามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยคำให้การได้ เนื่องจากอยู่ในสำนวนซึ่งยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ซึ่งได้ให้การว่าจัดกิจกรรมอะไรมีการวิ่งอย่างไร
"ตอนนี้มีหลักฐานแจ้งข้อกล่าวหารุ่นพี่ผู้หญิง 1 คนในข้อหา “กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจในการปล่อยตัวชั่วคราวไป หากการสอบสวนมีหลักฐานว่ามีผู้ใดเข้าข่ายว่าน่าจะกระทำความผิด จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ตอนนี้ยังได้ 1 คน จะมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ผลการสอบสวนให้ครบทุกประเด็นทุกปาก เพราะว่าผลการแพทย์ยังไม่เรียบร้อย ของผู้เกี่ยวข้องกับนักศึกษาและอาจารย์ที่ปรึกษายังไม่ครบ” พล.ต.อ.สุชาติ กล่าว
“เบื้องต้นรุ่นพี่คนดังกล่าวให้การภาคเสธ รับว่าจัดกิจกรรมจริงแต่ไม่ได้กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ต้องสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานว่าในการจัดกิจกรรมนี้เป็นความประมาทหรือไม่ และเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายหรือไม่"
“ในส่วนประเด็นสุดวิสัยเป็นสิทธิของแต่ละคนจะให้การ ทางพนักงานสอบสวนต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย ดูว่าประเด็นสุดวิสัยกับประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือได้รับบาดเจ็บ มีความหมิ่นเหม่กันอยู่ที่พนักงานสอบสวน จะต้องรวบรวมให้ในข้อนี้ว่าประมาทหรือสุดวิสัย ต้องใช้ความละเอียดอ่อน ซึ่งเขาไม่มีเจตนาให้ถึงแก่ความตายก็ได้แต่เป็นการกระทำโดยประมาทซึ่งไม่ได้ปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนการวิ่งบริเวณลานจอดรถระยะทางความยาวไม่เกิน 200 เมตรของลานจอดรถไม่ใช่วิ่งรอบขุมเหมือง ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน เพื่อนนักศึกษาและรุ่นพี่ให้การว่า นักศึกษาคนดังกล่าวก่อนหน้านี้มีการทำกิจกรรมรูปแบบนี้แต่ไม่เป็นไร เขาเคยวิ่งมาแล้วแต่ต้องหาพยานหลักฐานจากคนอื่นให้ครบก่อน” รอง ผบ.ตร. อธิบาย
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวต่อไปว่า ในทางคดี รอผลตรวจจากแพทย์ ส่วนจะให้คำตอบวันไหนอยู่ที่แพทย์ ซึ่ง ผลชันสูตรศพมีผลกับข้อกล่าวหามากน้อยขนาดไหนยังประเมินไม่ได้ ทางแพทย์ไม่ทราบว่าจะเกิดจากอะไร อาจจากหัวใจล้มเหลว หรือ ฮีทสโตรกได้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความเห็นว่าหัวใจล้มเหลวนั้น ไม่ได้เป็นความเห็นทางการแพทย์เป็นความเห็นส่วนบุคคลความเห็นทางการแพทย์ยังไม่มี ทางพนักงานสอบสวนยังไม่รับทราบตรงนี้ ซึ่งผลทางแพทย์เป็นหลักฐานทางคดี ส่วนกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุไม่มี แต่ในอาคารมีแต่ไม่สามารถมองเห็นที่เกิดเหตุได้
"คดีนี้ใช้ระยะเวลาดำเนินการไม่นานถ้าผลทางแพทย์มาเร็วก็ดำเนินคดีและปิดคดีได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทางญาติผู้ตายและสื่อมวลชนให้ความสนใจ ทางผบ.ตร.จึงมอบหมายให้มาติดตามดูว่าติดขัดหรือมีปัญหาสิ่งใดบ้าง เพื่อได้ชี้แจงสื่อมวลชนและญาติผู้เสียชีวิตให้เข้าใจที่ถูกต้อง ได้ตรวจติดตามเจ้าหน้าที่ พบว่าได้ทำในส่วนที่ยังไม่มีข้อผิดพลาดใด ตอนนี้ขั้นตอนอยู่ที่ผลทางแพทย์และการให้การของพยานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีสิ่งบอกเหตุอะไรที่ว่าใครเจตนาทำให้ถึงแก่ความตาย แต่ยังไม่ตั้งประเด็นใดทั้งสิ้นรวบรวมให้ชัดเจนก่อน ในส่วนการนำส่งโรงพยาบาล ระยะเวลาที่ล้ม ได้รับปฐมพยาบาลหรือไม่ก่อนนำส่งโรงพยาบาลด้วยวิธีการใดขณะนำส่งอยู่ในอาการใด พนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้นจะสอบปากคำให้ชัดเจน”
“ที่มาในวันนี้ให้ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ประสานกับมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ให้มีการวางมาตรการป้องกันเหตุ ในสถานศึกษากรณีเช่นนี้เพื่อให้รอบคอบไม่ให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ความตายลักษณะนี้อีก ซึ่งได้วางแนวทางหารือกับทางผู้การและทีมงานแล้วจะประสานกับทางมหาวิทยาลัยฯ เพื่อดำเนินการซักซัอมแผนปฏิบัติให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด ในหลักการให้ดำเนินการที่มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จากนั้นจะนำเรื่องนี้เสนอต่อกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำเนินการขยายผลแผนปฏิบัติความปลอดภัย ในการทำกิจกรรมของสถานศึกษาไปยังสถานศึกษาอื่นต่อไป” พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวทิ้งท้าย
