บางคนอาจจะฝันหรือแม้กระทั่งใช้เวลาทั้งชีวิตในการเสาะแสวงหาความรักที่สมบูรณ์แบบและโรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะได้รับความรักในแบบที่เราต้องการความรักอาจจะนำมาซึ่งความสุขสุดหัวใจหรือความทุกข์ที่ยากเกินกว่าจะรับไหวเช่นเดียวกับกรณีล่าสุด ที่มีเหตุฆาตกรรม
ในจังหวัดภูเก็ตของเรา และสังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหนุ่มชาวเยอรมันรับสารภาพว่าตน “ลงมือฆ่าและซ่อนเร้นศพ”แฟนสาวชาวไทยจริง และเหตุจูงใจในการฆาตกรรมครั้งนี้ก็คือ “ความหึงหวง” ซึ่ง
แน่นอนว่าต้นเหตุเกิดมาจาก “ความรัก”นั่นเอง
“ความรัก” ใน “อุดมคติ” ของคนเรานั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนเสมอไป เราไม่สามารถกำหนดรูปแบบของความรักได้ และสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการดำเนินชีวิตควบคู่ไปกับการรักใครสักคน นั้นก็คือ “สติ”
ดั่งคำสอนของ สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ข้อหนึ่งที่ว่า “พระพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนให้เกิดสติขึ้นว่าความทุกข์นี้มีเพราะความรัก มีรักมากก็เป็นทุกข์มาก มีรักน้อยก็เป็นทุกข์น้อย จนถึงไม่มีรักเลยจึงไม่ต้องเป็นทุกข์เลย แต่ตามวิสัยโลกจะต้องมีความรัก มีบุคคล และสิ่งที่รัก ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนให้มีสติควบคุมใจมิให้ความรักมีอำนาจเหนือสติ แต่ให้สติมีอำนาจควบคุมความรักให้ดำเนินในทางที่ถูกและให้มีความรู้เท่าทันว่าจะต้องพลัดพรากรักสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อถึงคราวเช่นนั้นจักได้ระงับใจลงได้”
ความจริงก็คือ “ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน” เราเองยังไม่สามารถบังคับจิตใจของตัวเองได้ แล้วเราจะบังคับคนอื่นมารักมาตามใจเราได้อย่างไร หลักธรรมชาติง่ายๆ ที่ทุกคนควรระลึกและยอมรับมันให้ได้ ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม มันทำให้เราอยากมีชีวิตต่อไปให้นานที่สุด แต่หากวันใดที่ความรักนั้นจบลงหรือเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบที่เราไม่พึงปรารถนาเราก็ต้องรับมันให้ได้อยู่กับมันให้ได้อย่างมีสติและใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข เพื่อตัวของเรา
อย่าลืมว่า ในโลกนี้นอกจากความรักแบบหนุ่มสาวแล้ว ยังมีความรักจากพ่อแม่และคนรอบตัวของเรา ที่ยังรักและหวังดีกับเราเสมอ จงคิดถึงคนเหล่านั้นเอาไว้ให้มาก ก่อนที่เราจะเอาแต่นึกถึงแต่คนที่ “ไม่ได้รักเรา”