งานช่วงเช้าจัดขึ้นที่ห้องแกรนด์บอลรูม (ชั้น 1)โรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต โภคีธรา และต่อเนื่องในภาคบ่าย ณ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้าร่วมบริจาคโลหิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ โดยผู้บริจาคโลหิตจะได้รับเสื้อยืดเป็นที่ระลึก รวมทั้งของที่ระลึกน่ารัก ๆ สำหรับผู้บริจาคโลหิตทุกท่าน รวมถึงผู้ที่ตั้งใจมาร่วมบริจาคแต่ร่างกายยังไม่พร้อมบริจาคโลหิตอีกด้วย
โดยมี นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธาน พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรแก่ผู้บริจาคโลหิตและหน่วยงานที่ได้สนับสนุนกิจกรรมงานบริการโลหิตของจังหวัดภูเก็ต และนางสุดาวรรณ ปลอดทอง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต มอบเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิต มีนายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สมาชิกเหล่ากาชาด ส่วนราชการ ผู้บริจาคโลหิต และสื่อมวลชนเข้าร่วม
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า เลือดเป็นสิ่งจำเป็นที่จังหวัดภูเก็ตต้องมีสำรองไว้อย่างเพียงพอตลอดเวลา เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหมุนเวียนเข้ามามากมาย
“เลือดเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญสำหรับจังหวัดท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เพราะเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มากตามไปด้วย หากต้องการเลือดจากกรณีอุบัติเหตุและพบว่าเลือดของเรามีไม่เพียงพอ มันจะทำให้เกิดเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เพราะจังหวัดแห่งการท่องเที่ยวจำเป็นต้องมีความพร้อมทุกมิติ ชีวิตไม่ใช่เพียงเรื่องความปลอดภัยจากโจรผู้ร้ายเทานั้น แต่ยังมีเรื่องของอุบัติเหตุ ซึ่งหากเราสามารถช่วยเหลือผู้คนได้ด้วยเลือดของคนภูเก็ต จากการบริจาคของเราทุกคน มันจะส่งให้เกิดภาพลักษณ์ของเจ้าบ้านที่ดี ให้เห็นว่าเราไม่ได้นิ่งนอนใจและมีการเตรียมความพร้อม”
ด้านนางสุดาวรรณ กล่าวเสริมว่า “ปีนี้เราสามารถจัดงานได้พร้อมกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก สำหรับการจัดงานในวันนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ ทุกหน่ายงานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โอกาสนี้ทางเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตก็ขอเชิญชวนชาวภูเก็ต ผู้ที่มาอาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งนักท่องเที่ยว ให้มาร่วมกันบริจาคโลหิต เพราะอย่างที่ท่านผู้ว่าฯ ได้กล่าวไปแล้วว่า เลือดถือเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง”
นายสรายุทธ มัลลัม อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต เป็นหนึ่งในผู้บริจาคโลหิต ที่ได้บริจาคมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 40 ปี โดยบริจาคไปแล้วจำนวนถึง 134 ครั้ง เริ่มบริจาคครั้งแรกเมื่ออายุ 19 ปี โดยได้ยอมรับว่าตนเองนั้นไม่ได้เตรียมใจในการบริจาคเลือดครั้งแรกเลย ทั้งยังเป็นลมหลังบริจาคเลือดใน 3 ครั้งแรกอีกด้วย
“บริจาคครั้งแรกตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วันหนึ่งมีหน่วยเคลื่อนที่ของสภากาชาดไทยมารับบริจาคโลหิต ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 2 ผมและกลุ่มเพื่อนอยากทำกิจกรรมเลยไปสมัครเป็นพิธีกรเพื่อเชิญชวนให้น้อง ๆ ปี 1 มาร่วมบริจาคเลือด กระทั่งมีน้องปี 1 สาว ๆ เดินเข้ามาถามว่า “พิธีกรบริจาคหรือยังคะ” ซึ่งตอนนั้นพิธีกรยังไม่ได้บริจาค เพื่อน ๆ ในกลุ่มยังไม่มีใครบริจาคเลย คำพูดของรุ่นน้องทำให้พวกเราต้องบริจาค เหมือนตกกระไดพลอยโจน” นายสรายุทธ กล่าว
“ต้องบอกเลยว่า ผมเป็นคนกลัวการฉีดยามาก พอฉีดยาแล้วผมเป็นลมไม่ว่าจะเป็นการอุดฟัน หรือฉีดวัคซีนต่าง ๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน สุขภาพไม่ดีหรือเปล่าไม่แน่ใจ และครั้งแรกที่บริจาคเลือดก็เป็นลม สามครั้งแรกของการบริจาคเลือดที่หน่วยเคลื่อนที่มาภายในมหาวิทยาลัยผมเป็นลม”
“พอครั้งที่ 4 เจ้าหน้าที่กาชาดบอกให้ไปบริจาคที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ผมก็ไป พอไปถึงทางเจ้าหน้าที่เขาก็มีวิธีและบรรยากาศที่สบายขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าที่ศูนย์ฯ จะแตกต่างจากหน่วยเคลื่อนที่ ผมก็ทำได้ดีขึ้น จากนั้นมาก็บริจาคมาตลอด”
ความสุขของผู้ให้
“สมัยก่อนทางกาชาดไม่ได้เก็บเป็นความลับว่า เลือดเราถูกใครใช้ไป และผู้รับบริจาคโลหิตรับเลือดจากใคร เราจะทราบได้หมด ผมย้ายมาอยู่ที่ภูเก็ต ตอนนั้นน่าจะเป็นครั้งที่ 26 หรือ 27 แล้ว ผมเริ่มบริจาคที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ผมยังได้รับจดหมายอยู่เลยว่าเลือดของผมอยู่ที่ใครแล้ว เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ซึ่งเราก็รู้สึกดีตั้งแต่บริจาคแล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงไม่บริจาคมาอย่างต่อเนื่องถึง 20 กว่าครั้ง”
แรงบันดาลใจ
“แรงบันดาลใจที่สำคัญที่สุดในช่วงนั้น คือเมื่อหลังจากการบริจาคครั้งที่ 18 หรือ 19 ตอนนั้นย่าแท้ ๆ ของผมที่มีหมู่เลือดพิเศษคือ เอ-เนกาทีฟ ต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดสะโพก ปรากฏว่าไม่มีเลือด (เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณช่วงปี 2524 – 2525) ทางโรงพยาบาลคิดราคาเลือดที่ถุงละสองหมื่นบาท ต้องใช้จำนวน 5 ถุง ซึ่งเงิน 1 แสนบาทสมัยก่อนเป็นเงินที่มหาศาล ย่าผมเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด 7 วัน ค่าผ่าตัด 120,000 บาท บวกค่าเลือดอีก 1 แสน”
เมื่อโรงพยาบาลที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในประเทศไทยสมัยนั้น เรียกเงินจำนวนกว่า 1 แสนบาท แลกกับหมู่โลหิตพิเศษ 5 ยูนิต ...
“พอทราบเรื่อง ผมตรงไปที่สภากาชาดเลย เพราะผมรู้จักกับเจ้าหน้าที่ ในตอนนั้นยังมีกันอยู่ไม่กี่คน ผมบอกไปตรง ๆ ว่าย่าผมจะผ่าตัดผมต้องการเลือด เงื่อนไขอย่างไรก็ได้ เพราะโรงพยาบาลขายเราที่ถุงละ 2 หมื่นบาท เชื่อไหมว่าผมไปที่กาชาดตอนเช้า 10 โมงเช้า ผมให้เบอร์โทรที่บ้านเอาไว้ ตอนเย็นประมาณ บ่าย 4 โมงผมได้คำตอบว่า มีผู้บริจาคแล้ว 5 คน ได้ 5 ถุง ฟรีทั้งหมด ให้ทางโรงพยาบาลมารับได้เลย ผมอธิบายไม่ถูก แม้แต่ทางโรงพยาบาลก็ถามว่าทำได้ยังไง”
หลังจากเหตุการณ์ที่เป็นแรงบันดาลใจสูงสุดในครั้งนั้น คุณสรายุทธ ก็ได้บริจาคโลหิตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าผู้ที่ได้รับโลหิตนั้นจะไม่ใช้ตัวของเขาเองซึ่งผู้บริจาคโลหิต แต่ก็เป็นบุคคลผู้ซึ่งเป็นที่รักในครอบครัว เกิดเป็นความปลาบปลื้มใจที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
“อยากให้คนที่ยังไม่เคยบริจาคมาลองดูนะครับ ครั้งแรกผมมั่นใจว่า ไม่ว่าคุณจะกล้าหรือกลัวแค่ไหนก็ตาม มันจะเป็นประสบการณ์ใหม่ หลังจากนั้นมันจะเหมือนยาเสพติด พอคุณให้ได้คุณก็จะให้เรื่อย ๆ ผมเองก็เหมือนกัน พอครบ 3 เดือนร่างกายมันก็จะบอกเราเองว่าถึงเวลาบริจาคเลือดแล้ว” เขากล่าว
ขอเชิญผู้มีจิตกุศลบริจาคโลหิตได้ที่ ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จังหวัดภูเก็ต โทร 076 251 178 ต่อ 2 หรือ 081 958 8854 เปิดทำการทุกวันตามวันเวลา ดังนี้
จันทร์, พุธ, ศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น.
อังคาร และ พฤหัสบดี เวลา 08.30 - 20.00 น.
เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 15.00
หรือที่ งานธนาคารเลือด โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต076-361234 ต่อ 1285 เปิดทำการทุกวันตามวันเวลา ดังนี้ จันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30 – 20.00 น.
เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30-15.00 น.
งานนี้ ข่าวภูเก็ต ภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนงานบริการโลหิตของจังหวัดภูเก็ต
