หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตำบลรัษฏาลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมด้วย นายอนุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ นายอำเภอเมืองภูเก็ต, พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต, เจ้าหน้าที่ปภ.เขต 18 ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงทต.รัษฏา และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตเดินทางไปที่เกิดเหตุ
จุดเกิดเหตุอยู่ภายในคลองท่าจีน ห่างจากท่าเรือเอเชียมารีน่าไปประมาณ 100 เมตร พบมีเรือของกลางที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางเป็นประมงทูน่าขนาดใหญ่ หลายลำจอดเป็นกลุ่มอยู่บนฝั่งริมป่าชายเลน และมีเปลวไฟและกลุ่มควันสีดำจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากส่วนหัวเรือชื่อ SHUN LAI ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าดับเพลิงได้ เนื่องจากอยู่ในลำคลองและมีระยะห่างพอสมควร จึงต้องใช้เรือประมงพื้นบ้าน 2 ลำและเรือยางลำเลียงสายดับเพลิง และถังดับเพลิงบางส่วนเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ ก่อนเริ่มทำการฉีดสกัดไม่ให้ลุกลาม ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
สำหรับเรือประมงทูน่าดังกล่าวเป็น 1 ใน 7 ของเรือประมงเบ็ดราวทูน่า ของกลางที่ถูกอายัดและดำเนินคดีในความผิด เกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมาย หรือ IUU หลังจากที่เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2559 ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 3 หรือ ศรชล.เขต 3 พร้อมด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบพร้อมแจ้งทำการยึด เรือ 7 ลำ ประกอบด้วย เรือ YUTUNA NO.3, ABUBANT 1, ABUBANT 3, ABUBANT 6, ABUBANT 9, ABUBANT 12 และ SHUN LAI เนื่องจากพบพิรุธเกี่ยวกับทะเบียนเรือทั้ง 7 ลำเป็นเรือต่างประเทศ ที่ระบุเป็นสัญชาติโบลิเวีย และมีการแจ้งเข้ามาพร้อมกันในลักษณะผิดสังเกต (อ่านเพิ่มเติม คลิก) เรือแต่ละลำมีเอกสารไม่เหมือนกัน และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้มีการตรวจสอบกับทางประเทศโบลิเวีย เพื่อยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนเรือ และต่อมาทางโบลิเวียได้แจ้งว่า เรือดังกล่าวไม่ได้จดทะเบียนที่โบลิเวีย หรือได้รับใบอนุญาตทำการประมงของโบลิเวียแต่อย่างใด
เรือของกลางดังกล่าว สภาพก่อนถูกเพลิงไหม้นั้นเป็นตัวเรือเปล่า ไม่มีอุปกรณ์บนเรือ และโดยตัวเรือภายนอกเป็นเหล็ก แต่ภายในตัวเรือเป็นไม้และไฟเบอร์ทำให้เกิดลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ซึ่งต้องประสานเจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ต่อไป
ที่มา: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต