นายภัคพงศ์ กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ของจังหวัดภูเก็ต พบผู้ติดเชื้อรายแรก เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน เมื่อ 25 ม.ค.63 จากนั้น พบตัวเลขผู้ติดเชื้อในนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พบการระบาดในพื้นที่ป่าตอง และแพร่ระบาดไปทุกตำบลของภูเก็ตในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ หมู่ 2 หมู่ 3 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 220 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม จำนวน 3 ราย
ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 มีผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ยืนยันจำนวน 220 ราย ไม่พบรายใหม่เป็นเวลา 4 วันติดต่อกันมาแล้ว มีผู้ติดเชื้อกลับบ้าน 180 ราย วันนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย ซึ่งรายนี้ทางศูนย์โควิด ส่วนกลาง ได้แถลงข่าวแล้ววันนี้ที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้ ทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในการรักษาโรค ผู้ป่วยรายนี้ จึงมาจากพังงามารักษาที่ภูเก็ต และพบว่า ติดเชื้อโควิด-19
"จังหวัดภูเก็ต มีความแตกต่างจากจังหวัดอื่น เนื่องจากมีประชากรตามสำเนาทะเบียนบ้านจำนวน 416,000คน ยังมีแรงงานแฝงเข้ามาทำงานในภูเก็ตจำนวนมาก ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาพำนักในภูเก็ต ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2563 เกือบ 4 ล้านคน ตัวเลขข้อมูลผู้ติดเชื้อที่รายงานทุกวัน มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับสอง รองจากกทม.เมื่อเทียบกับจำนวนแฝงประชากร จึงคิดว่าน่าจะไม่เป็นธรรมกับจังหวัดภูเก็ต
ขอยกตัวอย่าง จำนวนผู้ติดเชื้อ ในจ.ภูเก็ต 220 คน ในจำนวนนี้ เป็นชาวภูเก็ต 85 คน เป็นผู้ติดเชื้อที่อยู่นอกจังหวัดภูเก็ต แต่เข้ามาทำงานที่ภูเก็ต มีทะเบียนบ้านนอกภูเก็ต 93 คน และผู้ที่ติดเชื้อชาวต่างชาติ 18 สัญชาติ จำนวน 42 คน จะเห็นว่า ภูเก็ตมีบริบทแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาอยู่ในภูเก็ต กว่า 100 สัญชาติ ในจำนวนนี้ติดเชื้อ 18 สัญชาติ” นายภัคพงศ์ กล่าว
ทางด้าน นายแพทย์เฉลิมพงษ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายล่าสุด เป็นผู้ชาย อายุ 69 ปี สัญชาติชาวออสเตรเลีย รายนี้มีอาชีพเป็นผู้จัดการโรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาหลัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เขาเป็นคนค่อนข้างอ้วน มีโรคประจำตัวค่อนข้างเยอะเป็นโรคปอดปิดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคความดันโลหิตสูง
ผู้เสียชีวิตรายนี้มีครอบครัวรวม 5 คน ประกอบด้วย ภรรยา 1 คน ลูก 2 คน หลาน 1 คน มีบ้านพักที่ ในหาน ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ประวัติก่อนที่จะเจ็บป่วยมีประวัติเสี่ยงได้ไปสัมผัสพูดคุยกับลูกค้าชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมัน ออสเตรเลีย รัสเซีย ที่โรงแรมที่ทำงานอยู่ที่เขาหลัก และที่บ้านในหาน ต.ราไวย์
ประวัติการเจ็บป่วย เนื่องจากเป็นคนที่มีโรคประจำตัว มารับการรักษาที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งที่ภูเก็ต รับการรักษาด้วยอาการไข้ ไอ หอบ เหนื่อย เมื่อ 14, 21 และ 27 มีนาคม จนกระทั่ง ในวันที่ 27 มี.ค. อาการกำเริบ มีการหอบมากขึ้น มีไข้สูงขึ้น แพทย์ที่รักษาประจำส่งตัวมาที่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เมื่อ 28 มี.ค. เนื่องจากสงสัยจะเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19
ทางโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต รับเป็นผู้ป่วยใน หลังจากเข้าตรวจคัดกรองที่คลินิก ทางโรงพยาบาลได้ทำการรักษาให้ออกซิเจนที่ห้องแยกโรค ผลเอ็กซเรย์ พบว่า ปอดติดเชื้อเกรอะทั้งสองข้าง และ ตรวจสารคัดหลั่งพบว่าเป็นโควิด-19 เมื่อ 29 มี.ค. เป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 63 ของภูเก็ต ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยมากยิ่งขึ้น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ แพทย์ตัดสินใจที่จะใช้ท่อช่วยหายใจ ให้ยาต้านไวรัส ต้านแบคทีเรีย รักษาปอดอักเสบ
ต่อมา วันที่ 1 เม.ย.อาการติดเชื้อที่ปอดมีภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อปอดอักเสบมีแบคทีเรียมากขึ้น มีการปรับเปลี่ยนยาชนิดที่แรงขึ้น วันที่ 7 เม.ย. ผู้ป่วยมีไข้สูงขึ้น ติดเชื้อในกระแสเลือด ทีมแพทย์วินิจฉัยติดตามเอ็กซเรย์ปอด พบว่า ปอดเริ่มแฟบทั้งสองข้างรักษาตามอาการ
จนกระทั่งวันที่ 8 -20 เม.ย. อาการไข้สูงตลอด ไตเริ่มเสื่อม วันที่ 21 เม.ย.มีอาการทางปอดมากขึ้น หายใจเหนื่อยมากขึ้น วันที่ 22-30 เม.ย.ผู้ป่วยไตล้มเหลวใช้เครื่องล้างไตต่อเนื่องทุกวัน และ ความดันต่ำลงเรื่อยๆ วันที่ 1-5 พ.ค.ล้างไตทุกวัน อาการทรุดลงตามลำดับ จนกระทั่ง วันที่ 5 พ.ค. เวลา17.35 น. ผู้ป่วยได้เสียชีวิต รวมระยะเวลาการรักษา 38 วัน
สรุป สาเหตุของการเสียชีวิต มีภาวะปอดติดเชื้อ ล้มเหลวจากโรคำวรัสโควิด-19 มีภาวะแทรกซ้อนมีปอดอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย ไตวาย และติดเชื้อในกระแสเลือด ส่วนโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคความดันโลหิตสูงและโรคอ้วน นพ.เฉลิมพงษ์ กล่าว
ผอ.รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวต่อไปอีกว่า การรายงานสัมผัสความเสี่ยงสูงของรายนี้ 33 รายเนื่องจากเขา เดินทางทั้ง 2 จังหวัด มี สัมผัสเสี่ยงต่ำ 4 ราย ผู้ติดเชื้อที่สัมผัสรายนี้ 1 ราย คือคนที่รับประทานอาหารร่วมกัน นอกนั้น ไม่พบผู้ติดเชื้อ จึงขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัส 3 ราย จากคลินิกแห่งหนึ่งในภูเก็ต ผลตรวจไม่พบเชื้อ
ส่วนการจัดการศพรายนี้ได้นำศพใส่ถุงซิปมิดชิด ตามระเบียบมาตรฐานการควบคุมโรค และได้ติดต่อกับวัดที่อนุญาตให้เผาได้ แถว ต.ฉลอง ทำการเผาศพรายนี้ ในคืนนี้ ( 6 พ.ค.)ให้ญาติและทีมงานมืออาชีพของภาคเอกชนกับของภาครัฐ ที่จัดการศพตามหลักของการป้องกันโรคมีการแต่งกายรัดกุมที่สามารถป้องกันโรคได้ ทีมงานเหล่านี้ มีความพร้อมในการนำศพไปเผา และรุ่งขึ้นตอนเช้าของวันที่ 7 พ.ค.นี้ให้ญาตินำเถ้ากระดูกไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
