หลังรับแจ้ง ร.ต.อ.สวรรยา เอียดตรง รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.กะทู้ จึงประสานไปยังสภ.ใกล้เคียงให้ช่วยติดตามพร้อมสกัดจับรถคันดังกล่าว ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบ ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้น แจ้งว่าเป็นกึ่งรถพ่วง 22 ล้อ ป้ายทะเบียน 81 – 0562 บรรทุกเหล็ก มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจหลายสภ.ได้เร่งติดตามจากเบาะแสเป็นเวลาประมาณ 20 นาที
ก่อนพบว่า คนขับรถได้จอดรถกึ่งรถพ่วง 22 ล้อคันดังกล่าวทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแม็คโครสาขาภูเก็ต ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 3 กม. ก่อนพยายามหลบหนีไป แต่จนท.ตร.สายตรวจจราจรสภ.วิชิต สามารถควบคุมตัวคนขับรถไว้ได้ ทราบชื่อคือนายเกรียงไกร นาเงิน อายุ 41 ปี เบื้องต้น พบเป็นรถกึ่งพ่วง 22 ล้อบรรทุก ทาวเวอร์เครน (เครื่องจักรที่ใช้ยกของในแนวดิ่งและเคลื่อนที่) ของ บริษัท PHUKET 89 SERVICE จึงทำการตรวจยึดอายัดรถคันดังกล่าวไว้ก่อนเร่งนำตัวคนขับส่งพนักงานสอบสวนสภ.กะทู้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ร.ต.อ.สวรรยา กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณปากซอยข้างศูนย์สาธารณะสุขชุมชนบ้านเก็ตโฮ่ พบว่าเสาไฟฟ้าตั้งแต่ปากซอยเข้าไปภายในซอย หักโค่นจำนวน 5 ต้น และทับรถยนต์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก 2 คัน และเสียหายเล็กน้อย 4 คัน เคราะห์ดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยรถคันที่เสียหายอย่างหนัก ได้แก่ รถตู้สีขาว ป้ายทะเบียนภูเก็ต หลังคายุบเสียหาย และรถยนต์เก๋งฟอร์ดเฟียสต้า สีดำ ทะเบียนะภูเก็ต เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและเจ้าหน้าที่กองช่างเทศบาลเมืองกะทู้ต้องทำการตัดกระแสไฟฟ้า ก่อนนำเครื่องจักรเข้าทำการรื้อถอน และซ่อนแซมเสาและสายไฟฟ้าให้กลับมาใช้การได้ตามปกติ เบื้องต้นความเสียหายคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท
ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายเกรียงไกร ได้ขับรถเทรลเลอร์ ป้ายทะเบียน 81 – 0562 บรรทุกบรรทุก ทาวเวอร์เครน มาจากฝั่งแยกกะทู้ (ร้านมุมเมืองลุง) มุ่งหน้าผ่านสามแยกเก็ตโฮ่ มุ่งหน้าไปตัวเมืองภูเก็ต แต่ระหว่างที่ผ่านจุดดังกล่าว เหล็กที่บรรทุกได้เกิดเกี่ยวสายไฟจนทำให้เสาไฟฟ้าจนหักโค่น ล้ม 5 ต้น ระหว่างนั้น นาย เกรียงไกร คนขับซึ่งเห็นเหตุการณ์กลับไม่จอดรถและได้เร่งเครื่องมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต ก่อนไปจอดทิ้งไว้ที่หน้าห้าง ซึ่งนายเกรียงไกร อ้างกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีที่จอด จึงต้องขับไปเป็นระยะทางเกือบ 3 กิโลเมตร
