เดอะพีคพร้อมดูแลลูกค้าหลังถูกสั่งเพิกถอนน.ส.3 ก เสียหาย 1.2 พันล้าน ยื่นอุทธรณ์คำสั่งรื้อ รอเจ้าของที่ดินยื่นศาลพิจารณาคดีใหม่

ภูเก็ต - ผู้บริหารเดอะพีค เรสวิเดนซ์ พร้อมดูแลลูกค้า หลังศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก เผยความเสียหายกว่า 1,200 ล้านบาท ยื่นอุทธรณ์คำสั่งรื้อทิ้งแล้ว รอเจ้าของที่ดินยื่นศาลพิจารณาคดีใหม่

เอกภพ ทองทับ

วันพุธ ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564, เวลา 09:07 น.

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 นายมนัสนันท์ นรารัตน์วันชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กะตะบีช จำกัด เจ้าของโครงการเดอะ พีค เรสซิเดนซ์ คอนโดมิเนียมหรูมูลค่า 2,100 ล้านบาท เปิดแถลงข่าว ภายหลังศาลปกครองสูงสุดได้สั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก.เลขที่ 1863 หมู่ที่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการเดอะพีคฯ ว่าในส่วนของตนและบริษัทกะตะบีช น้อมรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ในการสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3 ก.ที่เป็นที่ตั้งโครงการเดอะพีคฯ และพร้อมที่จะปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด และบริษัทไม่มีสิทธิที่จะเข้ามาดำเนินการในที่ดินแปลงดังกล่าวอีก นับจากวันที่ศาลปกครองสูงสุดได้สั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดิน แต่ที่เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันนี้ เพื่อที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า กลุ่มเอเยนต์ และคนภูเก็ต รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ว่าหลังจากนี้ทางบริษัทจะดำเนินการอย่างไรกับโครงการเดอะพีคฯ โดยมีเรื่องหลักอยู่ 2-3 เรื่อง คือ การดูแลลูกค้าที่ซื้อห้องพักของโครงการนี้ไปแล้ว คำสั่งยกเลิกใบอนุญาตก่อสร้างและคำสั่งรื้อโครงการของเทศบาลตำบลกะรน รวมไปถึงเจ้าของที่ดินยื่นเรื่องให้ศาลปกครองรับพิจารณาคดีใหม่อีกรอบ

โดยในส่วนของการดูแลลูกค้านั้น ทางบริษัทได้ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่ศาลปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราชได้สั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินแปลงที่ตั้งของโครงการ จนมาถึงศาลปกครองสูงสุด ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่าจะดูแลเงินลงทุนของลูกค้าให้ดีที่สุด โดยแบ่งการดูแลลูกค้าออกเป็น 3 ส่วน คือ กลุ่มลูกค้าที่ยินยอมที่จะโอนเงินลงทุนไปลงทุนในโครงการอื่นของบริษัทที่มีความปลอดภัยกว่า ที่หาดสุรินทร์ เอกสารสิทธิเป็นโฉนด ผ่าน EIA เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง เป็นโครงการในลักษณะเดียวกัน ตอนนี้มีลูกค้ายินยอมโอนและทำสัญญาแล้วประมาณ 180 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 170 ห้อง และยังไม่แจ้งความประสงค์ที่จะย้ายกว่า 40 ราย ลูกค้าที่ไม่ประสงค์จะย้ายการลงทุนไปโครงการอื่นเพราะต้องการที่จะซื้อโครงการนี้เท่านั้น ก็คงต้องรอต่อไป ซึ่งไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ที่คดีจะสิ้นสุด

และลูกค้าที่ยังไม่มีการติดต่อเข้ามายังบริษัทขอให้ติดต่อเข้ามา และส่วนลูกค้าที่ไม่ยอมที่จะลงทุนต่อกับทางโครงการ ก็มีสิทธิที่จะดำเนินการตามกฎหมายกับทางบริษัท ซึ่งในส่วนนี้มีเพียง 2-3 รายเท่านั้น

“สิ่งที่บริษัททำได้ในขณะนี้ คือ ดูแลเงินลงทุนของลูกค้าให้ดีที่สุด ให้ลูกค้าเกิดความเสียหายน้อยที่สุด โดยลูกค้ากลุ่มหลัก ๆ จะเป็นจีน รัสเซีย และยุโรป และคนไทยบ้างเล็กน้อย” 

นายมนัสนันท์ กล่าวถึงกรณีที่ทางเทศบาลตำบลกะรน ยกเลิกใบอนุญาตก่อสร้างและมีคำสั่งให้บริษัททำการรื้อทิ้งอาคารทั้งหมด 435 ห้อง ภายใน 30 วัน เพื่อคืนสภาพพื้นที่หลังศาลปกครองสูงสุดสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธินั้น ทางบริษัทได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปแล้ว ตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด

"ทั้งนี้ เนื่องจากทางโครงการทราบมาว่า เจ้าของที่ดินจะยื่นเรื่องขอให้ศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่อีกครั้ง และขอคุ้มครองชั่วคราวในที่ดินแปลงนี้ ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทยังไม่ทราบว่าศาลจะรับพิจารณาคดีใหม่หรือไม่ แต่ทางเจ้าของที่ดินมั่นใจในเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ว่าการออกเอกสารสิทธิถูกต้อง รวมไปถึงทางบริษัทจะต้องให้ทางบริษัทประเมินสินทรัพย์ ลงมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามูลค่าเท่าไร เพื่อใช้ในการเรียกร้องค่าเสียหายกับผู้ที่มีส่วนทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัท จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งของเทศบาลตำบลกะรน"

“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบริษัทไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท จากการที่ได้ลงทุนไปแล้ว แต่เทียบไม่ได้กับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 1-2 หมื่นล้านบาท ที่ดินแปลงนี้ทำให้เกิดข่าวใหญ่โตมาหลายระลอก มีคนหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง เอกสารหลักฐานที่ออกโดยหน่วยงานราชการไม่สามารถยืนยันการได้มาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้ ทำให้เกิดความเสียหายกับภาพลักษณ์การลงทุนด้านอสังหาฯในภูเก็ต ทำให้นักลงทุนจากต่างชาติเกิดความไม่มั่นใจในการที่จะตัดสินใจมาลงทุนที่ภูเก็ต ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในเกาะภูเก็ตแห่งนี้ ที่มีไม่ต่ำกว่า 30 โครงการ มูลค่าการลงทุนปีละ 1-2 หมื่นล้านบาท จึงอยากจะฝากถึงทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้ยอมถอยคนละก้าวเพื่อภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทถอยมาตลอดตั้งแต่ที่ศาลปกครองสั่งเพิกถอน หยุดการก่อสร้างและดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี เพื่อนำภาพลักษณ์ด้านการลงทุนของภูเก็ตคืนมา” นายมนัสนันท์ กล่าว

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่