เคสนี้ใช้วิธี มาทานทุกวันวันละ 2 รอบ แต่ละรอบจะทานจำนวนเงินเท่าเดิมทุกครั้ง เพื่อจะได้ใช้สลิปเดิมในการโชว์ได้ และชอบใช้จังหวะช่วงชุลมุนเพื่อโชว์สลิป เพราะส่วนใหญ่แล้วจะดูไม่ละเอียดพอถึงวันที่ เดือนพ.ศ
จับสังเกตเขามาหลายวันแล้ว แต่ไม่ชัวร์ ก็จะไม่เข้าไปถาม กลัวว่าเราเข้าใจผิดขึ้นมา แล้วลูกค้าจะเสียความรู้สึก”
วานนี้ (5 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังร้านข้าวแกง "ครัวแม่วร" ซึ่งอยู่ประตูด้านข้างของวัดฉลอง ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ได้พบกับ นางสาวมินทรา กวิ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านข้าวแกง และเป็นผู้โพสต์เตือนภัยในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา
น.ส.มินทรา กวิ เจ้าของร้านข้าวแกงครัวแม่วร เผยว่า ผู้ก่อเหตุเป็นลูกค้าประจำมาทุกวันเช้าแล้วก็เที่ยงและใช้วิธีสแกนจ่ายตลอด ตนสังเกตได้พอดีลูกน้องมาบอกว่ามีลูกค้าคนหนึ่งมากินข้าว แล้วเวลาเขาให้ดูสลิปจะให้ดูแบบเร็ว ๆ ลูกน้องดูไม่ทันก็เลยมาบอกว่าให้ตนไปช่วยดูหน่อย ตนเห็นเขาแล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะทำ เพราะเป็นลูกค้าประจำก็เลยผ่านไป แต่ก็คอยสังเกตอยู่เรื่อย พอวันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ตนว่างพอดีก็เลยคอยดูว่าเขาสแกนหรือเปล่าแต่เขาก็ไม่สแกนจริง ๆ ตนขอดูสลิปเขาก็ทำท่าประมาณหาสลิปให้ แต่ไม่มีมันก็ยื่นมือไปจะสแกนใหม่ตนก็เลยบอกว่า ไม่ต้องสแกนใหม่เอาอันเดิมเลยที่บอกว่าเขาโอนให้ตนแล้วแต่เขาไม่มีตนก็เลยดูแล้วว่าเขาไม่ได้โอนจริง ๆ ที่เขาให้ตนดูคือเป็นวันที่ 28 เดือนที่แล้ว และทำมานานมาก ตนก็บอกว่าไม่ต้องมาแล้วเขาก็เลยกลับไป
ก่อนหน้านี้เขาถามกันว่าจะเอาเรื่องเขาไหม เพราะเขาเห็นตนถ่ายคลิปอยู่ ตนก็เลยบอกว่าไม่เอาเรื่องได้ แต่ไม่ต้องมาที่ร้านตนแล้ว และอย่าไปทำที่ร้านใคร อย่าไปทำใครแบบนี้อีก ด้วยจำนวนเงินที่ไม่เยอะ ถ้าตนจะเอาเรื่องอะไร ตนจะต้องเสียเวลาไปโรงพัก เลยคิดว่าไม่เอาเรื่องเอาราวดีกว่า ตนคิดว่าสิ่งที่เสียไป ไม่ใช่ตนเสียอย่างเดียวแต่เขาก็เสียเหมือนกันเพราะเขาไม่ได้รับโอกาสมาเป็นลูกค้าที่ร้าน เพราะตนคิดว่าที่ร้านเรามีความจริงใจกับลูกค้าพอสมควร เขาก็จะขาดโอกาสไปเหมือนกัน
สำหรับร้านค้าอื่นขอให้ดูเป็นเคสของตนตัวอย่าง เพราะตนเองก็บกพร่องไม่ได้รอบคอบพอที่จะดูทุกอย่างให้ละเอียด
“ด้วยความที่ลูกค้าก็เยอะแล้วตนเป็นผู้หญิงก็เลยดูผ่าน ๆ ไปเขาเลยใช้จุดตรงนี้เป็นจุดที่ทำเราได้ อยากจะฝากดูจำนวนเงินให้ชัด ๆ เลยและอย่าลืมดูวันที่ แต่บางร้านพอมีเวลาที่จะถ่ายรูปก็ดีค่ะ” เธอกล่าว
