สถานกงสุลออสเตรเลียประจําจังหวัดภูเก็ต จัดงานวันสตรีสากลขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเชิดชูบทบาทสตรีภูเก็ต

ภูเก็ต - นายเคร็ก เฟอร์กูสัน กงสุลใหญ่ออสเตรเลีย ประจำจังหวัดภูเก็ต เป็นเจ้าภาพจัดงานวันสตรีสากล ณ ภัตตาคารบลูเอเลเฟนท์ โดยมีแขกรับเชิญพิเศษ เจเนวีฟ คลูน ที่ปรึกษาด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ณ สถานฑูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ ที่ได้มากล่าวถึงประสบการณ์การทำงานและบทบาทของคุณแม่ เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองวันสตรีสากล ในวันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี

จุฑารัตน์ เปลรินทร์

วันพฤหัสบดี ที่ 8 มีนาคม 2561, เวลา 17:46 น.

โอกาสนี้ นายเคร็ก ได้กล่าวทักทายและขอบคุณผู้เข้าร่วมงานที่เป็นสตรีผู้มีบทบาทสำคัญในจังหวัดภูเก็ตกว่า 40 ท่าน จากหลากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นด้านธุรกิจ โรงแรม มูลนิธิ สื่อสารมวลชน บุคคลกรทางการแพทย์และการศึกษาเป็นต้น ซึ่งนับได้ว่าทุกท่านมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนงานสำคัญต่าง ๆ ในจังหวัดภูเก็ต

“ทุกคนมีหลากหลายที่มา มีการศึกที่ต่างกันและอาชีพที่แตกต่าง แต่ทุกคนก็ได้ก้าวข้ามอุปสรรคมาได้และประสบความสำเร็จในสายงานที่ตนเองเลือกได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังต้องสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการเลี้ยงดูลูก แต่ทุกท่านก็แสดงให้เห็นแล้วว่าได้ก้าวข้ามมันมาได้อย่างยอดเยี่ยมและสง่างาม” นายเคร็ก กล่าว

ทั้งนี้ นายเคร็ก ได้กล่าวอีกว่า สถานกงสุลออสเตรเลียประจําจังหวัดภูเก็ต ได้ก่อตั้งและดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 2 โดยได้จัดงานวันสตรีสากลขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้ และหวังว่าจะได้ดำเนินการจัดงานที่มีความสำคัญต่อการเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณ และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่สตรี เช่นนี้อย่างต่อเนื่องในปี ต่อ ๆ ไป

และเพื่อทำให้งานวันนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น คุณเจเนวีฟ คลูน ที่ปรึกษาด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ณ สถานทูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา ได้ให้เกียรติมาเป็นผู้บรรยายพิเศษในงานมื้อเที่ยงวันนี้ โดยได้เล่าถึงประสบการณ์การทำงานของเธออันน่าสนใจและบทบาทของการเป็นคุณแม่ลูกสอง (ลูกชายวัย 2 ขวบ และลูกสาวตัวน้อยวัยเพียง 8 เดือน)

เจเนวีฟเองได้เริ่มทำงานให้กับกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียตั้งแต่ พ.ศ. 2544 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่กฎหมาย นอกจากนี้เธอเองยังเคยทำงานให้กับหลายหน่วยงานในกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย ทั้งยังเคยถูกส่งไปประจำการ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส กรุงแบกแดด ไนโรบี และวอร์ซอ

นอกจากนี้ เธอยังเคยติดตามสามีครั้งเมื่อเขาได้รับหน้าที่ประจำ ณ กรุงเดลี โดยก่อนที่จะได้ร่วมงานกับกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียนั้น เจเนวีฟเคยทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีกับหน่วยงานที่ศึกษาทางด้านประวัติศาสตร์ของคนพื้นเมืองออสเตรเลีย และเธอเองเพิ่งได้กลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หลังจากหยุดพักงานเพื่อดูแลบุตรคนที่สอง

“ตั้งแต่กลับมาทำงานหลังจากการลาคลอดไป ดิฉันต้องปรับปรุงวิธีการทำงานหลายอย่าง เช่น ดิฉันต้องคำนึงถึงเวลาในการให้นมวันละ 2 ครั้ง ซึ่งบางครั้งก็นำไปสู่บทสนทนาที่น่าอึดอัดใจกับเพื่อนร่วมงานผู้ชายที่สูงวัยกว่า ฉันต้องวางแผนการออกงานแต่ละวันอย่างรอบคอบและจัดลำดับความสำคัญอย่างเฉียบขาดเพื่อให้สามารถกลับบ้านไปอาบน้ำให้ลูก อ่านนิทานและพาลูกเข้านอนได้ ซึ่งต้องลดงานในช่วงเย็นให้น้อยลง” เจเนวีฟ กล่าว

“ซึ่งนั่นก็หมายความว่า บ่อยครั้งที่ฉันต้องทำงานจากที่บ้านหลังอาหารเย็น แต่ฉันรู้สึกขอขอบคุณที่มีสถานที่ทำงานที่ยืดหยุ่นพอที่จะช่วยให้ดิฉันสามารถวางแผนตามความเหมาะสมได้ แม้บางครั้งฉันคิดว่าผู้หญิงเราต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถทำทุกสิ่งได้อย่างสมบูรณ์ตลอดเวลา และก็ทำให้เราต้องปล่อยวางบางสิ่งไปบ้าง” เธอกล่าว

เจเนวีฟ อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ธีมสำหรับวันสตรีสากลในปีนี้คือ Press for Progress (สื่อเพื่อความก้าวหน้า) และถือเป็นสิ่งที่เหมาะสมในเวลานี้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าในปัจจุบันมีการเคลื่อนไหว ของ #MeToo และ #Time'sUp ที่แสดงออกถึงแรงผลักดันจากทั่วโลกให้สื่อช่วยในการผลักดันเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ

เธอยังกล่าวอีกว่า ธีมของสหประชาชาติสำหรับวันสตรีสากลในปีนี้คือ “Leave no Woman Behind” (ไม่ทอดทิ้งผู้หญิงคนใดไว้ข้างหลัง) พร้อมกับได้กล่าวถึง ผลการวิจัยที่พบว่าสตรีมีบทบาทการเป็นผู้นำระดับสูงในอัตราที่ต่ำกว่าผู้ชาย

“แม้จะมีข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงมีประสิทธิภาพดีเท่ากับหรือดีกว่าผู้ชายในทุกระดับและแผนกของการทำงาน แต่ก็สรุปได้ว่าวัฒนธรรมขององค์กรทำให้ผู้หญิงมีตัวเลือกน้อย และอุปสรรคที่เกิดขึ้นเหล่านี้ มีทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจกำหนดกิจกรรมเพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมภายในองค์กร ทั้งนี้ กลยุทธ์ของโครงการสตรีในภาวะผู้นำ โดยกรมการต่างประเทศออสเตรเลีย ระบุให้แผนกมีการแต่งตั้งผู้หญิงให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสสูงขึ้นโดยมีเป้าหมายที่ 43% ภายในปี 2563 (ปัจจุบันคือ 36%)”

“ออสเตรเลียให้ความสำคัญกับความต้องการของสตรีและเด็กผู้หญิง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมทั้งหมด รวมถึงการให้ทุนโครงการลดความรุนแรงทางเพศและบริการสุขภาพด้านการเจริญพันธุ์”

เจเนวีฟ มีความสุขที่ได้พบกับผู้หญิงที่สร้างแรงบันดาลใจซึ่งมาจากหลากหลายเส้นทางชีวิต

“เห็นได้ว่าในจังหวัดภูเก็ตมีธุรกิจที่จดทะเบียนโดยมีผู้หญิงเป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นผู้ดำเนินการมากกว่าครึ่งหนึ่ง และประเทศไทยมีเปอร์เซ็นต์ของผู้บริหารสูงสุดที่เป็นผู้หญิงในบริษัทมหาชนสูงที่สุดในโลก และจากข้อมูลนี้ก็แสดงให้เห็นว่า เราไม่ต้องมองไปไกลเลยเพื่อหาแรงบันดาลใจ รอบ ๆ ตัวของพวกเราทุกคนมีผู้หญิงที่เก่งและมีความสามารถมากมาย เพราะผู้หญิงสามารถทำอะไรได้มากมายและมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับผู้ชายอย่างแน่นอน” เจเนวีฟ กล่าวปิดท้าย

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่