รวบแก๊งตุ๋นรูดบัตรเครดิตซื้อโรงแรมในช่วงเวลาธ.ปิดทำการ

รวบแก๊งชาวไทย เกาหลีใต้และมองโกเลียต้มตุ๋นซื้อธุรกิจโรงแรมในจ.กระบี่ ด้วยการรูดบัตรเครดิตในช่วงเวลา 22.00-02.00น. เพราะเป็นช่วงเวลาปิดทำการของระบบธนาคาร และไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้

เอกภพ ทองทับ

วันจันทร์ ที่ 17 เมษายน 2560, เวลา 14:23 น.

ภาพ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่

ภาพ กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่

เวลา 16.00 น. วันที่ 12 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จ.กระบี่ รายงานว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธ.กรุงเทพ สาขากระบี่ ว่ามีกลุ่มชาวไทยและชาวต่างชาติมาทำการติดต่อขอซื้อกิจการโรงแรมกระบี่เฮอริเทจ อ่าวนาง เป็นจำนวนเงิน 700 ล้านบาท แต่ได้มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันที่ 300 ล้านบาท โดยมีการใช้เครื่องรูดบัตรเครดิตในลักษณะการใช้ระบบออฟไลน์ ซึ่งในตอนแรกนั้นทำการรูดแล้วไม่ผ่าน โดยเจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำรายการให้ จึงได้เดินทางมาทำการตรวจสอบที่ธนาคาร กระทั่งพบและจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1. นางธนกร ชีวิตรุ่งเรือง อายุ 44 ปี (ให้การปฏิเสธ)

2. นายจอห์น อิน ลี อายุ 46 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ให้การรับสารภาพ)

3. นายเคียวซัก โช อายุ 49 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ (ให้การรับสารภาพ)

4. นายอังสกัน อมามไต อายุ 36 ปี สัญชาติมองโกเลีย (ให้การรับสารภาพ)

5. นางจากาลนิมิช เทศเดนดามา อายุ 35 ปี สัญชาติมองโกเลีย (ให้การปฏิเสธ)

โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดนั้นมีการรูดใช้บัตรเครดิตด้วยตัวเองเป็นจำนวน 65 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนประมาณ 60 ล้าน ในช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 10 เม.ย. 60 ต่อเนื่องจนถึงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 11 เม.ย. 60 จากนั้นได้นำสลิปดังกล่าวมาแสดงให้กับเจ้าของโรงแรมที่จะซื้อให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าจะทำการซื้อโรงแรมดังกล่าวจริง แต่เมื่อทางธนาคารทำการตรวจสอบ กลับพบว่าสลิปแต่ละใบที่ทำการรูดไปนั้น รหัส (App Code) ที่กลุ่มผู้กระทำผิดอ้างว่าได้มาจากธนาคารเจ้าของบัตรนั้น เป็นรหัสที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อตรวจสอบในสลิปแล้วปรากฏว่าเป็นรหัสเดียวกันหมด ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว ในการทำรายการแต่ครั้ง รหัสดังกล่าวจะต้องไม่เหมือนกัน และในการรูดบัตรแต่ละครั้งจะต้องดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของสถานที่ติดตั้งเครื่องรูดบัตรเท่านั้น บุคคลอื่นไม่สามารถทำได้ และต่อมาทางธนาคารเจ้าของบัตรได้ปฏิเสธเนื่องจากเงินในบัญชีมีไม่เพียงพอต่อการทำรายการ

นอกจากนี้ กลุ่มผู้กระทำผิดยังได้ติดต่อขอซื้อโรงแรมพาวิลลเลียน ควีน เบย์ อ่าวนาง อีกด้วยเป็นจำนวนเงิน 550 ล้านบาท และได้มีการรูดใช้บัตรเดียวกันนี้อีกจำนวน 118 ล้านบาทเพื่อชำระค่ามัดจำ แต่ยังไม่ได้มีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันแต่อย่างใด โดยได้มีการรูดบัตรในวันที่ 11 เม.ย. 60 ต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 12 เม.ย. 60 ในช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. (เหตุผลที่ผู้กระทำผิดทำการรูดบัตรในช่วงเวลาหลัง 22.00 น.เป็นต้นไปเนื่องจากเป็นช่วงเวลาปิดทำการของธนาคาร ไม่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้)

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสอนตรวจสอบข้อมูลต่างๆและพบว่ากลุ่มผู้กระทำผิดดังกล่าวไม่มีความสามารถในการซื้อโรงแรมดังกล่าวได้จริง โดยมีการวางแผนหลอกลวงเป็นขั้นตอนจนกระทั่งมาตกลงใจที่จะซื้อในช่วงใกล้เทศกาลหยุดยาว เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถตรวจสอบหรือติดต่อประสานงานกันได้ทัน จากนั้นจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆเสนอต่อศาลเพื่อขออนุมัติจับกุมกลุ่มผู้กระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมฯ” และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กระบี่ ยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากการตรวจสอบประวัติต้องโทษ พบว่านางธนกร มีประวัติการกระทำผิดเป็นจำนวน 9 คดี และจากการซักถาม ทราบว่ากลุ่มผู้กระทำความผิดมีการติดต่อขอซื้อโรงแรมในจังหวัดกระบี่และจังหวัดอื่นๆอีกหลายแห่ง รวมมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการสืบสวนขยายผลต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่