พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ หัวพ่วงหมายเลขทะเบียน 6477 จ.พังงา รถท้ายพ่วงหมายเลขทะเบียน 6655 จ.พังงา ตะแคงอยู่บนเกาะกลางถนน สภาพด้านหน้าพังยับเยิบ เนื่องจากชนรั้วเหล็กกั้นเกาะกลางถนน และพบรถพ่วงท้ายตะแคงข้างขวางถนนขาออกทั้ง 3 เลน และมีเครื่องดื่มทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลมชนิดต่าง ๆ และโซดา แตกตกเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นถนน และบนเกาะกลางถนนเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าไม่มีไทยมุ่งในบริเวณดังกล่าวเข้าเก็บเหมือนตอนเหตุการณ์ที่เคยมีรถเบียร์งแหกโค้งแต่อย่างใด เพียงแต่ช่วยกันเก็บรวมไว้ตรงเกาะกลางถนน และการจราจรทั้งขาเข้าและขาออกติดเป็นทางยาวนับ 10 กิโลเมตร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องให้รถขาออกมาวิ่งในช่องขาเข้าย้อนศรออกไป 1 ช่องจราจร และระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรและอาสามัครมาเร่งระบายรถและป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
พ.ต.ต.ศรทิพย์ ชูแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.ท่าฉัตรไชย กล่าวว่า คนขับรถบรรทุกคันดังกล่าวคือ นายศุภชัย กระแสสังข์ อายุ 31 ปี ชาว จ.พังงา เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรม ช่วยเหลือนำส่งให้แพทย์์โรงพยาบาลถลาง โดยพนักงานสอบสวนได้ทำแผนที่เกิดเหตุ บันทึกภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และสอบสวนพยานเบื้องต้นไว้เป็นหลักฐาน
ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนั้นรถบรรทุกคันดังกล่าวได้บรรทุกสินค้าเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ มาจากห้างดังพื้นที่อ.ถลาง เพื่อไปส่งให้ตัวแทนใหญ่ใน จ.พังงา แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นทางโค้งหักศอกทำให้ท้ายรถพวงปัดหัวจึงพุ่งขึ้นเกาะกลางถนนดังกล่าว
การดำเนินคดีกับนายศุภชัย คนขับบรรทุกพ่วง 22 ล้อในเบื้องต้นดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย เช่นราวเหล็กที่กั้นถนน ต้นไม้ และอื่น ๆ แต่ถือว่าโชคดีที่ไม่มีรถหรือประชาชนที่สัญจรไปมาได้รับความเสียหายและบาดเจ็บ
ส่วนข้อหาอื่น ๆ ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้งก่อนจะแจ้งเพิ่มเติมหลัง นายศุภชัยรักษาตัวหายแล้ว พร้อมประสานบริษัทเจ้าของสินค้าดังกล่าวที่เป็นใหญ่ ซึ่งดำเนินการใน จ.พังา ให้มาเก็บและบรรททุกสินค้ากลับไป ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงจึงสามารถเก็บสินค้าและรถบรรทุกคันดังกล่าวออกจากถนนได้ และเปิดใช้การจราจรได้ตามปกติ เบื้องต้นเจ้าของสินค้าระบุเพียงว่า เครื่องดื่มทั้งหมดมูลค่าประมาณ 8 แสนกว่าบาท ได้รับความเสียหายประมาณ 60-70 % ต้องรอตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
พ.ต.ต.ศรทิพย์ กล่าวหลังสอบถามพยานที่ขับรถตามหลังมาและสวนมาว่า รถบรรทุกคนดังกล่าวนั้นขับเร็วมาก ขับเข้าโค้งเร็ว ซึ่งทำให้เพื่อนร่วมทางที่ขับตามหลังมาต้องขับให้ห่างด้วยเชื่อว่าต้องมีอุบัติเหตุแน่นอน ก่อนจะเกิดเหตุขึ้นในขณะเข้าโค้งปราบเซียน (ชาวบ้านเรียกโค้งดังกล่าวว่าโค้งปราบเซียนหรือโค้งร้อยศพ เนื่องจากโค้งนี้มีรถแหกโค้งหลายคัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก)