ซึ่งในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับน้องดีแมกซ์เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ (อ่านเพิ่มเติม คลิก) ซึ่งทางผู้ปกครองของน้องได้เปิดเผยว่ารู้สึกซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงมีต่อครอบครัว และได้กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยดูแลอย่างดี
อาการล่าสุดของน้องดีขึ้นมาก โดย นพ.เฉลิมพงษ์ เปิดเผยความคืบหน้าอาการน้องดีแมกซ์ (30 ม.ค.) สภาพโดยรวมมีบาดแผลมากกว่า 100 แผลบริเวณแขนขาหลัง ศีรษะ และที่ ใบหู ระหว่างเดินทางมาที่รพ.วชิระภูเก็ต เด็กมีอาการช็อกเนื่องจากภาวะขาดเลือด เมื่อเข้ารับการรักษาตัวที่รพ.วชิระภูเก็ต คณะแพทย์ได้นำตัวเข้าห้องไอซียูเพื่อทำการรักษาฟื้นฟูร่างกายโดยให้เลือดและยา รวมทั้งให้คณะแพทย์ทำการผ่าตัดทำแผล ที่มีการปนเปื้อนโคลนดินและทราย ซึ่งต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดแผลและผ่าตัดหลายชั่วโมง
จนกระทั่งในเช้าวันรุ่งขึ้น ประมาณ 11.00 น. เด็กมีอาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถหายใจได้เอง และในช่วงเวลา 16.00 น. สามารถทานอาหารเหลวได้เอง วันอังคาร (29 ม.ค.) เด็กมีอาการดีขึ้นสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแผลที่ได้รับการผ่าตัดโดยเฉพาะบริเวณใบหูมีการประสานได้ดี ในวันที่ 30 ม.ค. แพทย์ได้นำน้องดีแมกซ์เข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง เพื่อตรวจสภาพบาดแผลอย่างใกล้ชิด แต่ยังคงเฝ้าระวังภาวะติดเชื้อและให้ยาอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียและแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดได้
เรื่องนี้เปิดเผยโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ บีคุงก์ พสกนิกร ราษฏรพังงา ซึ่งเป็นพนักงานกู้ชีพของหน่วยกู้ภัยวัดเก่าเจริญธรรม จังหวัดพังงา ได้โพสต์ภาพสุดเศร้าสลดใจ ของเด็กชายอายุ 7 ขวบ ปรากฏเป็นรอยรูเขี้ยวสุนัขหลายสิบแผลทั่วร่างของเด็กน้อย ที่กำลังนอนรอรับความช่วยเหลืออยู่บนเตียงของโรงพยาบาล เพื่อเตือนภัยให้ผู้ปกครองระมัดระวังบุตรหลานจากเหล่าสุนัขจรจัดบริเวณใต้สะพานสารสิน โดยเจ้าตัวยังย้ำว่าตนเองเป็นคนรักสุนัข ส่วนตัวแล้วไม่ได้กล่าวหาว่ากฏหมายการคุ้มครองสุนัขเป็นสิ่งที่ดี แต่ในเรื่องสุนัขจรจัดที่ดุร้าย ไม่มีเจ้าของ ควรมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป กฏหมายควรจะมีคำตอบในส่วนนี้ให้ชาวบ้านด้วยเช่นกัน (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
น้องดีแมกซ์ได้รับความช่วยเหลือและถูกนำส่งโรงพยาบาลตะกั่วทุ่ง จากนั้นส่งต่อมารักษาที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยในระหว่างที่จะเดินทางมา รพ.วชิระภูเก็ต
หลังทราบเรื่อง นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ส่งการให้รองผู้ว่าฯ เข้าไปติดตามการรักษา ก่อนจะเดินทางมาพูดคุยและมอบกระเช้าของขวัญเพื่อให้กำลังใจบิดามารดาคือ นายสมภพ ชัยราบ และนางรำแพน แต้มสี พร้อมทั้งสั่งการปศุสัตว์จังหวัดออกสำรวจสุนัขจรจัดในพื้นที่ พร้อมวางมาตรการป้องกันเหตุดังกล่าว ในบริเวณที่คาดว่าจะมีสุนัขจรจัดอยู่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
ต่อมานายมนัส เทพรักษ์ ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต กล่าวกับ The Phuket News ว่า ทางปศุสัตว์จะได้บูรณาการกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขเหตุร้ายจากสุนัขจรจัดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก ซึ่งจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทางภาครัฐ เอกชน ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะข้อมูลของสุนัขจรจัดที่ดุร้ายและอาจเป็นอันตรายต่อผู้คน
โดยจะเริ่มจากการออกสำรวจจำนวนสุนัจจรจัด ก่อนที่จะมีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย โดยจะมีการวางแผนงานให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะดำเนินการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า และทำหมันสุนัขจรจัดในพื้นที่ รวมทั้งทำการจับตัวสุนัขที่มีนิสัยดุร้าย เพื่อนำมากักไว้ที่บ้านพักพิงสุนัขจรจัดภูเก็ต
พร้อมทั้งยอมรับว่าเป็นงานที่ยากเพราะจากสุนัขเหล่านั้นไม่มีเจ้าของและที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทำให้ยากแก่การจัดการปัญหาสุนัขจรจัดให้ได้อย่างแท้จริง
“ทางเจ้าหน้าที่ไม่มีข้อมูลแหล่งที่อยู่ของสุนัขเหล่านั้น สิ่งที่สามารถทำได้คือฉีดวัคซีนให้กับสุนัขที่จับได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีที่จะป้องกันผู้คนหรือนักท่องเที่ยวจากสุนัขจรจัดได้ หากท่านมีข้อมูลสุนัขจรจัดหรือพบเห็นสุนัขที่มีนิสัยดุร้าย กรุณาแจ้งเราได้ที่หมายเลข 076 216 934” นายมนัส กล่าว
ธัญลักษณ์ สากูต : รายงานเพิ่มเติม
