นายกราไวย์นำชาวบ้านยื่นจดหมายผู้ว่าฯ กรณีชาวเล 6 รายถูกจับฐานจับปลาในอุทยาน

ภูเก็ต – นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ พร้อมด้วยกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ นายนิรันดร์ หยังปาน หนึ่งในแกนนำชาวเลราไวย์ ตลอดจนชาวเล จำนวน 6 คน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถจับกุมบริเวณอ่าวในทอน และพี่น้องชาวเลราไวย์จำนวนหนึ่ง เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต วันนี้ (11 ม.ค. 61) 

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 11 มกราคม 2561, เวลา 17:58 น.

ภาพ เอกภพ ทองทับ

ภาพ เอกภพ ทองทับ

พร้อมแนบรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 53 เรื่อง แนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล เพื่อพี่น้องชาวเลจะได้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และไม่ผิดกฎหมาย ถึงนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมีนายสนิท ศรีวิหค รองผู้ว่าราชการรับเรื่องแทน เนื่องจากผู้ว่าฯ ติดภารกิจ

นายอรุณ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับพี่น้องชาวเลที่ถูกจับกุมทั้ง 6 คน ซึ่งต่างยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุนั้นไม่ได้เข้าไปจับปลาในเขตอุทยานฯ ตามที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นการทอดสมอเรือเพื่อให้หนึ่งในชาวเลที่ประสบกับปัญหาน้ำหนีบ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)โดยปลาที่เห็นในเรือนั้นจับมาจากเขตทะเลในจังหวัดพังงา ที่ได้จากการใช้เหล็กแหลมยิงปลาเท่านั้น ส่วนชาวเลที่เห็นลงอยู่ในน้ำนั้น คนหนึ่งเพื่อรักษาอาการน้ำหนีบ ขณะที่อีก 2 คนลงอยู่ข้างเรือเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่ทางเจ้าหน้าอุทยานฯ ไม่รับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวทางเทศบาลฯ และกำนันผู้ใหญ่บ้าน ในฐานะผู้นำท้องถิ่น จึงได้มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องชาวเลที่ถูกจับกุมดังกล่าว

ในขณะที่ นายวิทูรย์ เดชประมวลพล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ หัวหน้าชุดจับกุมระบุว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก ก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งว่ามีการลักลอบดำน้ำจับสัตว์ทะเลในเขตอุทยานฯ ในแนวปะการังพื้นที่ทางทะเล จึงสั่งการให้ ในเครือข่ายช่วยเฝ้าระวัง กระทั่งพบกลุ่มชาวประมงพร้อมอุปกรณ์ภายในเรือ และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการป้องปรามและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของชาติ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม มิใช่ให้กลุ่มใดกลุ่ม หนึ่งได้ประโยชน์ (อ่านเพิ่มเติม คลิก)

เพราะเมื่อเจอการดำเนินคดีก็มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน และการประกอบอาชีพ รวมทั้งจะต้องหาเงินมาประกันตัว ทำให้การใช้ชีวิตลำบากมากยิ่งขึ้น รวมทั้งต้องการขอความชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดของมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเห็นชอบในหลักการแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนดังกล่าวมาปฏิบัติ เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติและจะได้ไม่ไปละเมิดกฎหมาย

นายนิรันดร์ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต อนุกรรมการแก้ไขปัญหาชาวเลจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ต้องการมาขอความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกจับกุม และยืนยันว่าพวกเราไม่ได้ต้องการละเมิดกฎหมาย และไม่ได้ต้องการทำลายทรัพยากร โดยการทำประมงนั้นก็เพียงเพื่อการบริโภคเท่านั้น

ดังนั้นในการต่อสู้คดีก็จะยึดตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งเห็นชอบในหลักการแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล โดยคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชาวเล ซึ่งมีพลเอกสุรินทร์ พิกุลทอง ประธานคณะกรรมการฯ รวมทั้งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุทยานฯ เป็นต้นได้ไปกำหนดขอบเขตและเครื่องมือในการทำประมงของชาวเล ซึ่งที่ผ่านมาได้กำหนดให้ใช้เครื่องมือได้ 17 ชนิด แต่จะมีการกำหนดการใช้ในแต่ละพื้นที่ เช่น ในแหล่งท่องเที่ยวจะใช้ได้ 12 ชนิด เช่น เครื่องปั๊มลม หน้ากากสายยาง เหล็กยิง ปลาถังใส่ปลา เป็นต้น

ด้านนายสนิท กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า หลังจากนี้จะนำเรื่องเสนอผู้ว่าฯ เพื่อรับทราบ และจะได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนประเด็นในเรื่องของมติ ครม. นั้นก็จะต้องมีการสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอรายละเอียดที่ชัดเจน เพราะขณะนี้ทราบเพียงเบื้องต้นจากนายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ เท่านั้น เมื่อทราบรายละเอียดแล้วจะได้แจ้งให้ทางผู้นำท้องถิ่นและชาวเลได้ทราบต่อไป

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่