พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้รับข้อมูลจากเว็บไซต์ของประเทศจีน ร้องเรียนเกี่ยวกับการเอารัดเอาเปรียบของผู้ประกอบการในจังหวัดภูเก็ต มีใจความว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ได้รับแจ้งจากผู้ใช้โซเชียลว่า ในช่วงตรุษจีนได้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนไปรับประทานอาหารที่ร้าน 6 Restaurant บนถนนทวีวงศ์ แล้วถูกข่มขู่ให้จ่ายค่าอาหารที่ไม่เป็นธรรมและราคาแพงเกินจริง ของเมนูกุ้งจานหนึ่งที่ราคาระบุในเมนูจานละ 300 บาท แต่พอคิดเงินกลับกลายเป็นราคาประมาณสามถึงสี่พันบาท โดยทางร้านอ้างว่า 300 นั้นเป็นราคาต่อขีด ซึ่งทางนักท่องเที่ยวเชื่อว่ากุ้งที่นำมาเสิร์ฟนั้นน้ำหนักไม่ถึงในราคาที่เรียกเก็บ ทั้งยังแพงเกินจริงถึง 1,000 หยวนอีกด้วย จึงได้ส่งเรื่องไปยังเว็บไซต์ดังของประเทศจีน
ทั้งนี้ ตั้งแต่เมื่อเดือนส.ค.ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกว่า 10 รายที่ได้ร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว จนทางเว็บไซต์ต้องร้องเรียนผ่านมายังกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมระบุว่า เมื่อลูกค้าไม่ยอมจ่ายเงินทางร้านก็จะใช้พนักงานในร้านมาข่มขู่ โดยทุกวันนี้ยังมีนักท่องเที่ยวหลายรายถูกทางร้านหลอกลวงอยู่ ทำให้ผู้เขียนมีความเสียใจและเป็นกังวลเป็นอย่างมาก
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าว จากนั้นทางกองกับการ 2 บก.ทท. 3 จึงประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ช่างตวงวัด ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบร้านอาหารที่ถูกร้องเรียน เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา
“จากการตรวจสอบพบว่า ร้านดังกล่าวกระทำผิดจริงตามที่ร้องเรียนโดยจับกุม น.ส.กัญญานัฐ ชูเขียว ผู้ซึ่งแสดงตัวเป็นเจ้าของร้าน ในข้อหา “จำหน่ายสินค้าโดยการหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ” พ.ต.อ.ธงชัย กล่าว
“ทางเราพบว่าร้านอาหารดังกล่าว ได้มีการจำหน่ายอาหารในปริมาณไม่ตรงกับราคาที่คิดเงินกับลูกค้า โดยได้ขายกุ้งผัดซอสกระเทียม 1 จาน มีจำนวนกุ้ง 10 ตัว ในราคา 2,700 บาท ในเมนูระบุราคาขีดละ 300 บาท ซึ่งหากคิดตามราคาในเมนูต้องได้น้ำหนักกุ้งถึง 9 ขีด และได้ตรวจสอบกุ้งที่เป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร จำนวน 10 ตัว ปรากฏว่าน้ำหนักรวมเพียง 5 ขีดเท่านั้น ซึ่งเป็นการจำหน่ายสินค้าไม่ตรงกับปริมาณสินค้าที่ได้แจ้งคิดเงิน”
“เมื่อเจ้าหน้าที่สอบถาม น.ส.กัญญานัฐ ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดจริง แต่อย่างไรก็ตามร้านค้าแห่งนี้เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา จึงขอฝากไปยังร้านค้าที่ขายหรือบริการให้กับนักท่องเที่ยวว่าการเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวนั้นเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศชาติด้านการท่องเที่ยวส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้สำคัญของประเทศ ทางตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจัง หากได้รับการร้องเรียนจึงขอให้หยุดพฤติกรรมเหล่านี้โดยเด็ดขาด” พ.ต.อ.ธงชัย กล่าวปิดท้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ได้จัดทำประวัติ ตามขั้นตอนและนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
