วันนี้ (11 เม.ย. 68) วันที่11 เม.ย. 68 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 เป็นประธาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่กองบังคับการสืบสวน และเจ้าหน้าที่ EOD ตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในสังกัดภ.จว.ภูเก็ตทุก สภ.ร่วมกันปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ณ ลานมังกร ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ได้มีมาตรการในการยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรในห้วงเทศกาลสงกรานต์ โดยหนึ่งในมาตรการคือให้ทุก ตำรวจภูธรในสังกัดวิเคราะห์สภาพปัญหาอาชญากรรมและอุบัติเหตุ แล้วให้ดำเนินการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ให้มีความต่อเนื่องกันในระหว่างพื้นที่ และมีความสัมพันธ์กับสถิติการเกิดอาชญากรรมหรืออุบัติเหตุจราจร ซึ่งต่อมาโดยการควบคุมการปฏิบัติ โดย พล.ต.ต.ศรัญญู ชํานาญราช รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.เลิศชาย จำปาทอง ผบก.สส.ภ.8 และ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้สั่งการให้ทุก สภ.ตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามมาตรการที่ได้กำหนดไว้ โดยวันที่ 10 เมษายน 2568 ได้ทำการจับกุมและขยายผลทลายเครือข่ายชาวต่างชาติลักลอบจำหน่ายยาเสพติด และครอบครองอาวุธปืน ได้จำนวน 3 ราย ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
โดยรายที่ 1 ชื่อนาย JIHAD (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี สัญชาติจอร์แดน สะพายกระเป๋าซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามายังบริเวณจุดตรวจจุดสกัด ท่าทางมีพิรุธต้องสงสัย จึงขอทำการตรวจค้นผลการตรวจค้นพบยาเสพติด (เคตามีน, โคเคน และยาอี) ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายจำนวนหนึ่ง จึงได้ทำการจับกุม
ต่อมาจึงได้สืบสวนขยายผลสืบทราบว่านายJIHAD ยังมียาเสพติดและอาวุธปืนซุกซ่อนอยู่ที่ บ้านในหมู่บ้าน ม.4 ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และ ม.4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต อยู่อีกจึงเดินทางไปตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมและแจ้งข้อหาให้ทราบว่า “ เป็นบุคคลต่างด้าว (สัญชาติจอร์แดน) หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำโดยมีอาวุธปืน และเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยฝ่าฝืนกฎหมาย, มียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน,โคเคน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำโดยมีอาวุธปืน, มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนทราบว่านาย JIHAD มีความเกี่ยวพันกับ นาย DANLEL (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติฝรั่งเศส และ น.ส.พรรณทิวา ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต โดยในการดำเนินการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลางกว่า 80 รายการ โดยมีของกลางสำคัญในคดีนี้ได้แก่
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 16 ถุง น้ำหนักรวม 3,740.8กรัม
2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) จำนวน 50 ถุง น้ำหนักรวม 1,138.1 กรัม
3.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) จำนวน 28,217 เม็ด
4.อาวุธปืนยาวพร้อมแม็กกาซีน ขนาด 5.56 จำนวน 1 กระบอก
5. .อาวุธปืนยาวพร้อมแม็กกาซีน ขนาด 9 มม. จำนวน 3 กระบอก
6.เครื่องกระสุนขนาด 9 มม. จำนวน 248 นัด
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวนาย JIHAD ก็ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมจนทราบว่ามีความเกี่ยวพันกับนาย DANLEL (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติฝรั่งเศส และ น.ส.พรรณทิวา อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต และยังสืบทราบอีกว่า ทั้งสองคนพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียม ม.6 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต จึงได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กมลา เข้าตรวจสอบห้องพักดังกล่าว เมื่อไปถึงพบนายแดเนียล และ น.ส.พรรณทิวา
ผลการตรวจค้นพบยาเสพติด (โคเคน และยาอี) ซุกซ่อนอยู่ในห้องดังกล่าว อีกทั้งยังพบอุปกรณ์ทางเคมีซึ่งใช้สำหรับผลิตยา และยาที่ได้ผลิตไว้แล้วซึ่งไม่มีเครื่องหมาย อย. จำนวนหนึ่งจึงได้ทำการตรวจยึดไว้ และได้จับกุมบุคคลทั้งสองพร้อมแจ้งข้อหาให้ทราบว่า “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) โดยการมีไว้เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย,ร่วมกันผลิตยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 และผลิตยาที่มีได้ขึ้นทะเบียนตำรับตามมาตรา 72(4) ตาม พรบ.ยา พ.ศ.2510” อีกทั้งยังได้สืบสวนเพิ่มเติมอีกว่า น.ส.พรรณทิวา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ได้เป็นเจ้าของสถานประกอบการเวชกรรมบริเวณ ถนน พระบารมี ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต โดยในการดำเนินการดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดของกลาง กว่า 34 รายการ โดยมีของกลางสำคัญในคดีนี้ได้แก่
1.ยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 5 ถุง น้ำหนักรวม 15.16 กรัม
2.ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) จำนวน 2 เม็ด
3.อุปกรณ์ทางเคมีซึ่งใช้สำหรับผลิตยา จำนวน 13 ชิ้น
4.ยาที่ได้ผลิตไว้แล้วซึ่งไม่มีเครื่องหมาย อย. จำนวน 22 ขวด
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวนายแดเนียล และ น.ส.พรรณทิวา ก็ได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมจนทราบว่า น.ส.พรรณทิวา เป็นเจ้าของ สถานประกอบการเวชกรรมบริเวณถนนพระบารมี ต.ป่าตอง จึงได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าตอง เข้าทำการตรวจค้นสถานประกอบการเวชกรรมดังกล่าว เบื้องต้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่พบ นางสาวชนาภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี และ นางสาวสุทธิดา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ปฏิบัติหน้าที่ทางด้านเวชกรรมอยู่ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามทั้งสองแจ้งว่า ตนไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการจับกุมตัว และแจ้งข้อหาให้ทราบว่า "ร่วมกันประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต" พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางอีก 9 รายการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.พรรณทิวา ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลดังกล่าว ในความผิดที่เกี่ยวข้องต่อไป
พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว เป็นการดำเนินการยกระดับการดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจร เพื่อปราบปราม และป้องกัน การกระทำความผิดของคนร้ายที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการอย่างเข้มข้นและจริงจัง โดยจะบังคับใช้ทุกมาตรการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการขยายผลไปยังผู้ที่สมคบหรือสนับสนุน หรือการยึดทรัพย์สินต่างๆตามอำนาจที่กฎหมายบัญญัติไว้ และยิ่งหากผู้ที่ละเมิดกฎหมายเป็นชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขอเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยทุกราย เพื่อเป็นการที่จะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยต่อสังคมต่อไป
“ตำรวจภูธรภาค 8 จึงขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน ขอให้พี่น้องประชาชนตรวจสอบในการไปใช้บริการของสถานประกอบเวชกรรมให้ดีว่า ผู้นั้นมีใบประกอบวิชาชีพหรือไม่อย่างไร และยาที่ได้รับมาได้รับอนุญาต หรือมีสัญลักษณ์ อย. หรือไม่อย่าง เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน”
“หากพบเห็นหรือทราบเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด ให้ทุกท่านสามารถแจ้งเบาะแสไปยังสถานีตำรวจใกล้บ้างของท่าน หรือ ทางช่องทาง 191 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปกปิดที่มาของการแจ้งเบาะแสดังกล่าวไว้อย่างเป็นความลับที่สุด สุดท้ายนี้ขอให้คำมั่นว่า ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ที่จะถึงนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายในสังกัด ตำรวจภูธรภาค 8 จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มขีดความสามารถ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางมาท่องเที่ยว มีความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สิน และได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลพวกท่านตามท้องถนน เพื่อให้ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพต่อไป” พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าว