ตำรวจภาค 8 สนธิกำลัง บุกรวบต่างชาติ 5 ราย เปิดธุรกิจนอมินี เงินหมุนเวียน 80 ล้าน

ภูเก็ต - วันนี้ (4 เม.ย.67) ตามนโยบายและข้อสั่งการของ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ 8, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวนผบก.สส.ภ. 8 และ พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ให้สืบสวนจับกุมบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งลักลอบประกอบอาชีพหรือประกอบธุรกิจ อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

เอกภพ ทองทับ

วันพฤหัสบดี ที่ 4 เมษายน 2567, เวลา 17:09 น.

ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจ หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าร้านอาหาร OCTOPUS มีชาวต่างชาติมักมาทำการวมกลุ่มกันเป็นประจำ และมีการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกลุ่มบุคคลด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ใช้ช่องว่างทางกฎหมายดำเนินการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยมีคนไทยให้การช่วยเหลือสนับสนุน ทำการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัท ไว้กระทำการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนของคนต่างด้าวหรือที่เรียกว่า “นอมินี”

โดยวันนี้ พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ 8 พร้อม พ.ต.อ.อกนิษฐ ด่านพิทักษ์ศาสน์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ เปิดปฏิบัติการระดมกวาดล้างปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิด ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเข้าตรวจสอบที่ร้านดังกล่าวตั้งอยู่บนถนนบ้านดอน-เชิงทะเล

ในเบื้องต้นได้มีการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 5 ราย ประกอบด้วย บริษัทในความผิดฐานคนต่างด้าว ร่วมกันประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขัน ในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต

2. น.ส.ปุณยนุช กรรมการ, ผู้ถือหุ้นความผิดฐานให้ความช่วยเหลือ หรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย

3.นายวาลาดิสลาฟ สัญชาติรัสเซีย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น) ความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย หรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย

4.นายวาเลรี สัญชาติรัสเซีย (ผู้ถือหุ้น) ความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจ ที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาตและเป็นคนต่างด้าว ซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย

และ 5.นายพาเวล สัญชาติรัสเซีย ความผิดฐานเป็นคนต่างด้าวร่วมกันประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อม ที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ในคดีนี้บริษัท วีวีจีอะไลอันซ์ จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มใช้ชื่อร้านว่า “OCTOPUS” ตั้งอยู่ถนนบ้านดอน-เชิงทะเล โดยมี น.ส.ปุณยนุช สัญชาติไทย ผู้ต้องหาที่ 2 และนายวาลาดิสลาฟ สัญชาติรัสเชีย ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ

มีผู้ถือหุ้นดังนี้ 1.น.ส.ปุณยนุช ผู้ต้องหาที่ 2 จำนวนหุ้นที่ถือ 20,400 หุ้น คิดเป็น 51 เปอร์เซ็นต์ 2. นายวาลาดิสลาฟ ชินาคอฟ ผู้ต้องหาที่ 3 จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้น คิดเป็น 24.5เปอร์เซ็นต์ 3.นายวาเลรีผู้ต้องหาที่ 4 จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้นคิดเป็น24.5เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของนายพาเวลผู้ต้องหาที่ 5 ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลทางด้านการเงิน และมีอำนาจตัดสินใจแทน นายวาลาดิสลาฟผู้ต้องหาที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าของร้านที่แท้จริง

สอดคล้องตรงกับแนวทางการสืบสวนสอบสวน ยังปรากฎทราบว่า นางสาวปุณยนุช ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและหุ้นส่วนใหญ่นั้นเป็นเพียงหุ่นเชิดของกลุ่มทุนต่างชาติเท่านั้น มิได้มีอำนาจใด ๆ ในจัดการในบริษัทฯแต่อย่างใด ประกอบกับสอดคล้องกับเส้นทางการเงิน แสดงให้เห็นว่าเงินของทางร้านได้เข้าไปในบัญชีนายวาลาดิลาฟ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า นายวาลาดิลาฟ คือ เจ้าของร้านและเป็นเจ้าของ บริษัท วีวีจีอะไลอันซ์ จำกัด และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา ปรากฏมีเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคาร ประมาณ 80 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 8 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ขอฝากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนเกี่ยวกับบริษัทต่าง ๆ ซึ่งจดทะเบียนบริษัท แล้วประกอบธุรกิจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตหรือในราชอาณาจักรไทย หากบุคคลใดกระทำการในลักษณะดังกล่าวขอให้หยุดการประกอบธุรกิจเช่นนี้ เนื่องจากทางตำรวจภูธรภาค 8 และตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตจะดำเนินการกลุ่มบุคคลและบริษัทฯ ซึ่งประกอบธุรกิจในลักษณะนี้ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่