เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ (18 มี.ค.) พ.ต.ท.สากล ไกรนรา สว.สอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายงัดตู้เซฟขโมยเงินบริจาค เหตุเกิดที่สำนักงานมูลนิธิศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง ภายในศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบเก้ง เลขที่ 283 ซอยภูธร ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย
หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ท.สาคร ไชยวรรณ รองผกก.ป.สภ.เมืองภูเก็ต, พ.ต.ท.บุญชัย เจริญหัตถกิจ สวป.สภ.เมืองภูเก็ต, ร.ต.อ.ทรงชัย พ่วงรอด รองสวป.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.ภูเก็ต
ที่เกิดตุเป็นศาลเจ้าเก่าแก่และมีชื่อเสียงของจังหวัดภูเก็ต ช่วงประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต ศาลเจ้าดังกล่าวจะมีม้าทรงประทับร่างทรงมากที่สุดของจังหวัดภูเก็ต บริเวณห้องสำนักงานมูลนิธิจุ้ยตุ่ย เต้าโบเก้ง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานผู้ดูแลสำนักงานดังกล่าวกำลังยืนอยู่ในห้องที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภายในห้องพบว่าตู้เก็บเอกสารดัดแปลงเป็นตู้เซฟเก็บเงินสูง 3 ชั้น ถูกงัดได้รับความเสียหาย ตรวจสอบพบว่าคนร้ายขโมยเงินสดเป็นเงินรับบริจาคจากประชาชนที่มีจิตศรัทธาหายไปกว่า 100,000 บาท และพบคีมตัดเหล็กของคนร้ายวางอยู่บนโต๊ะ 1 อัน เจ้าหน้าที่ตรวจทรัพย์สินอื่น ๆ ภายในสำนักงาน ไม่มีการรื้อค้น จึงได้บันทึกภาพ เพื่อดำเนินการสืบหาคนร้ายต่อไป
นายสัญชัย แซ่อ๋อง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ถนนสุรินทร์ ซอย 2 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ผู้ดูแลสำนักงานมูลนิธิจุ้ยตุ่ย เต้าโบเก้ง กล่าวว่า สำนักงานมูลนิธิดังกล่าวเปิดทำการเวลา 09.00 -17.00 น.หยุดทุกวันนขัตกฤษ์ ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนมาทำงานตามปกติ พบว่าประตูทางเข้าสำนักงานเปิดอ้าอยู่ เมื่อเปิดเข้าไปตรวจสอบภายในสำนักงานพบว่าที่ตู้เก็บเอกสารซึ่งดัดแปลงเปลงเป็นตู้เซฟถูกคนร้ายงัดได้รับความเสียหาย ภายในมีเงินสดเป็นเงินบริจาคของประชาชนผู้มีจิตศรัทธาหายไปกว่า 100,000 บาท ตรวจสอบบริเวณโต๊ะทำงานของตน คนร้ายได้นำคีมตัดเหล็กมาวางอยู่ 1 อัน ตรวจสอบทรัพย์สินมีค่า ทั้งโน๊ตบุ๊ค รูปปั้นพระ และสิ่งของมีค่าอื่น ๆ ในห้องคนร้ายไม่ได้ขโมยไป คิดว่าคนร้ายจงใจมาขโมยเพียงเงินสดเท่านั้น
พ.ต.ท.สากล กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่ามีกล้องวงจรปิดบริเวณทางเข้าสำนักงาน 1 ตัว แต่กล้องตัวดังกล่าวเสีย เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายรายนี้น่าจะเป็นคนที่รู้เส้นทางเข้า-ออก รวมทั้งรู้สถานที่เก็บเงินของมูลนิธิฯ เป็นอย่างดี เมื่อสบโอกาสจึงก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ทางตำรวจจะได้เร่งติดตามหาตัวคนร้าย มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
