จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ “Aziz Yotharak” ได้แพร่ภาพสดทางเฟซบุ๊ก เมื่อวานนี้ (7 ม.ค. 61) เวลา 9:39 น. ขณะที่พนักงานกำลังพูดคุยกับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณชายหาดแห่งหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า “นักท่องเที่ยวมานอนที่หาดดุสิต โดนพนักงานโรงแรมดุสิต ธานี ไล่ไม่ให้นอนหน้าหาด และอ้างว่าเป็นทีของโรงแรม” และมีการแชร์ต่อเป็นวงกว้างกว่า 2 พันกว่าแชร์ และเข้าชมกว่า 3.3 แสนคน
จากนั้นเวลาประมาณ 17.15 น. ของวันเดียวกัน นายกองโทอดุลย์ ชูทอง นายอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการชายหาด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณหาดเลพัง-บางเทา ด้านหน้าโรงแรมดุสิต ลากูน่า หลังได้รับมอบหมายจากนายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว (อ่านเพิ่มเติม คลิก)
“แต่ปัจจุบันอาจเป็นหาดทรายก็ได้เนื่องจากคลื่นกัดเซาะกินเข้ามา แต่เมื่อทางโรงแรมหรือเจ้าของโฉนดรักษาสิทธิ์การครอบครองที่ดินอยู่ก็ยังเป็นสิทธิในโฉนดอยู่จะกันให้เป็นทะเลไม่ได้ซึ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบรังวัดตามระบบได้เนื่องจากมีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย” นายยงยุทธ กล่าว
“สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวออกจาก สค.1 เลขที่ 17 ม.1 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มาเป็น นส.3 ก.เลขที่ 1362 ออกเมื่อ 16 พ.ค. 21 โดยการเดินสำรวจ และออกเป็นโฉนดเลขที่ 42109 ออกเมื่อ 18 พ.ย. 52 บนเนื้อที่ 17 ไร่ 0 งาน 84.6 ตารางวา”
ด้านโรงแรมดุสิต ธานี ลากูน่า ภูเก็ต ได้ออกหนังสือชี้แจงลงวันที่ 8 ม.ค. 61 เพื่อจุดประสงค์ในความเข้าใจที่ถูกต้องโดยทั่วกัน หลังจากที่คลิปวิดีโอได้ถูกโพสต์และแชร์ออกไป พร้อมคำบรรยายว่าโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ได้ไล่นักท่องเที่ยวไม่ให้นั่งบริเวณชายหาดหน้าโรงแรม จนก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนแก่ประชาชน
ระบุว่า “ในวันที่เกิดเหตุการณ์นั้น เจ้าหน้าที่ของโรงแรมได้เข้าไปชี้แจงอย่างสุภาพกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยขอให้เคลื่อนย้ายไปยังจุดใกล้เคียง เนื่องจากบริเวณที่นักท่องเที่ยวปูเสื่อพักผ่อนกับครอบครัว อยู่บริเวณใต้ต้นสนและอาจจะมีกิ่งสนหักหล่นลงมาทำอันตรายต่อครอบครัว ประกอบกับบริเวณดังกล่าวอยู่ภายในเขตที่ดินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงแรมฯ จึงถือเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของเรา ในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของแขก รวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการภายในบริเวณโรงแรม
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าทางฝ่ายบริหารของโรงแรมมีความจำเป็นที่จะต้องให้การดูแลความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยต่อแขกที่มาพักกับเรา แต่ทางโรงแรมก็ยินดีที่จะอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวท่านอื่นๆ เพราะเราตระหนักดีว่า การรักษาภาพพจน์การท่องเที่ยวถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ประกอบการและประชาชนทุกคนในพื้นที่”
อย่างไรก็ตาม นายยงยุทธ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากนี้เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำซาก เรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าของโฉนดที่ดินกับชาวบ้านหรือนั่งท่องเที่ยวก็ต้องให้ทางท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลและอำเภอถลางทำหนังสือส่งเรื่องมายัง สำนักงานที่ดินภูเก็ต สาขาถลาง เพื่อส่งช่างเข้าไปรังวัดแนวเขตที่ชัดเจนอีกครั้งว่าจุดใดเป็นพื้นที่ นสล.จุดใดเป็นเขตสิ้นสุดของโฉนดแปลงดังกล่าวเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต
