ซอยด๊อกร้องผู้ว่าฯ ภูเก็ตอนุญาตกลุ่มอาสาเข้าพื้นที่บ้านพักพิงสุนัขจรจัด

ภูเก็ต - จากเหตุกลุ่มจิตอาสาบ้านพักพิงสุนัขจรจัดจังหวัดภูเก็ตยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา กรณีที่ทางบ้านพักพิงสุนัขจรจัดปิดรับการช่วยเหลือของกลุ่ม โดยมี ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้รับเรื่อง และส่งต่อให้ทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ตประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย

วันพุธ ที่ 7 กรกฎาคม 2564, เวลา 10:06 น.

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (ซอยด๊อก) เห็นชอบการยื่นหนังสือร้องเรียนของกลุ่มจิตอาสาและร่วมเรียกร้องให้ นายณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าฯ ภูเก็ตอนุมัติเปิดบ้านพักพิงฯ ให้กลุ่มจิตอาสาได้เข้าช่วยเหลือสุนัขเพื่อสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของสุนัขในบ้านพักพิงต่อไป

บ้านพักพิงสุนัขจรจัดจังหวัดภูเก็ตขอความร่วมมือบุคคลภายนอกงดเข้าพื้นที่ ส่งผลให้กลุ่มจิตอาสาดังกล่าวไม่สามารถให้การดูแลและช่วยเหลือสุนัขได้ ซึ่งรวมถึงซอยด๊อกที่ก่อนหน้านี้ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่บ้านพักพิงฯ เพื่อรักษาและตรวจสุขภาพของสุนัขเช่นกัน และในเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากกรมปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตว่าขอความร่วมมืองดเข้าพื้นที่ โดยผู้แทนซอยด๊อกได้แสดงความกังวลว่าหากสุนัขไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพของสุนัขในระยะยาวและการบริหารจัดการในแต่ละวันของเจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ ซึ่งมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนสุนัขหลักพันตัว

ซอยด๊อกได้ดำเนินการโครงการฉีดวัคซีนประจำปีให้แก่สุนัขที่บ้านพักพิงฯ มาตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยจัดทีมสัตวแพทย์ลงพื้นที่เพื่อฉีดวัคซีนแก่สุนัขจำนวน 600-1,000 ตัวทุกปี ประกอบด้วยวัคซีนรวม 5 โรคที่จำเป็นและวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า รวมถึงทำหมันสุนัขและจัดส่งหน่วยบริการด้านสวัสดิภาพสัตว์ของมุลนิธิฯ ไปรักษาสุนัขในบ้านพักพิงฯ เป็นประจำทุกวันพุธ โดยในปีที่ผ่านมาได้รักษาสุนัข 4,600 เคสและส่งสุนัขกว่า 250 ตัวเพื่อรักษาต่อที่โรงพยาบาลของมูลนิธิฯ สำหรับปีพ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ซอยด๊อกยังไม่สามารถลงพื้นที่ได้และขณะนี้เลยกำหนดการฉีดวัคซีนประจำปีซึ่งคือช่วงเดือนมีนาคมของทุกปีที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสุนัขและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บ้านพักพิงฯ อีกด้วย โดยมูลนิธิฯ ได้ส่งหนังสือขออนุญาตเข้าพื้นที่เพื่อฉีดวัคซีนประจำปีแล้ว แต่ได้รับการปฎิเสธโดยสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ต ชี้แจงว่าเป็นไปตามมาตรการรักษาความปลอดภัยจากโควิด-19

สุนัขที่อยู่รวมกันจำนวนมากยังมีความเสี่ยงติดโรคติดต่อที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น โรคลำไส้อักเสบ (พาร์โวไวรัส) และโรคไข้หัดสุนัข ซึ่งจำเป็นต้องแยกสุนัขตัวที่ป่วยออกจากตัวที่สุขภาพดีเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ การจำกัดพื้นที่ไม่ให้จิตอาสาและมูลนิธิฯ เข้าไปช่วยเหลือและตรวจสุขภาพสัตว์จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลว่าสุนัขเหล่านี้จะแพร่เชื้อโรคติดต่อกันเป็นบริเวณกว้างและอาจยากแก่การควบคุมโรคได้ โดยมูลนิธิฯ ได้รับแจ้งจากบ้านพักพิงฯ ว่าหากมีสุนัขที่เจ็บป่วยจะประสานงานเพื่อนำส่งรักษาที่ซอยด๊อกต่อไป แต่นับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมายังไม่ได้รับการแจ้งเหตุสุนัขป่วยแต่อย่างใด

มูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มจิตอาสานี้จะได้รับการอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ่ว และอนุญาตให้กลุ่มอาสาและมูลนิธิฯ สามารถเข้าพื้นที่บ้านพักพิงฯ โดยเร็ว เพื่อสวัสดิภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสุนัข ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเมืองภูเก็ตในการบริหารจัดการกับสุนัขจรจัดต่อไป พร้อมให้ความเห็นว่านอกจากประชาชนที่ต้องได้รับการดูแลในช่วงวิกฤตโควิด-19 แล้ว สุนัขจรจัดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนควรได้รับการเหลียวแลเช่นกัน

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่