วันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่บริเวณหน้าสภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.วิศาล พันธ์มณี ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงษ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต และ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ได้แก่
นายเมธาวี ธรรมฉันธะ ตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์” และ “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”, นางสาวชนิดา ราชแสง ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์” และนางสาว ธมลวรรณ ธรรมฉันธะ ในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์”
พล.ต.ต.วิศาล กล่าวว่า สำหรับพฤติการณ์การจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ผ่านมา มีประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อน 9 คน ได้รวมตัวกันเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับคนร้าย ซึ่งใช้กลอุบายตระเวนเช่ารถยนต์กับประชาชนและผู้ประกอบการรถเช่าในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจำนวน 30-40 คัน แล้วนำไปขายต่อหรือจำนำในพื้นที่จังหวัดตรัง, พัทลุง และนครศรีธรรมราช แก่เจ้าหน้าที่ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต โดยมี พ.ต.อ.ประวิทย์ เข้ารับฟังข้อมูลจากประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนด้วยตนเอง
จากนั้นจึงได้ประสานกับ พ.ต.อ.สมพงษ์ ขอให้พนักงานสอบสวนเข้าร่วมฟัง พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดวิเคราะห์อาชญากรรม กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงแผนของคนร้าย และพร้อมสำหรับการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้อย่างถูกต้องรวดเร็ว เพื่อบรรเทาความเสียหายให้กับประชาชนผู้เสียหายได้อย่างฉับไว
ภายหลังจึงได้สั่งการให้มีการประชุมวางแนวทางการสืบสวน และติดตามจับกุมคนร้าย มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้รวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนและทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนทราบว่าคนร้าย คือ นายเมธาวี และนางสาวชนิดา (แฟนสาวของนายเมธาวี) และ น.ส.ธมลวรรณ พี่สาวของนายเมธาวี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายจับต่อศาลจังหวัดภูเก็ต และศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน
ต่อมาชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ได้ติดตามจับกุมนายเมธาวี และนางสาวชนิดา ได้ในพื้นที่อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เมื่อวันที่ 4 ก.ย. และสามารถจับกุมนางสาวธมลวรรณได้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในวันถัดมา ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต
พ.ต.อ.ประวิทย์ กล่าวว่า ในคดีนี้ผู้ต้องหาได้ทำทีเป็นเช่ารถยนต์จากผู้เสียหายไปประมาณ 30-40 คัน แล้วนำไปขายหรือจำนำในราคาที่ต่ำ เมื่อผู้เสียหายทราบก็พยายามติดตามรถคืน โดยติดตามรถคืนมาได้ทั้งสิ้นประมาณ 23 คันยังมีรถบางส่วนที่ยังไม่สามารถติดตามคืนมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามเอารถยนต์ส่วนที่เหลือ กลับคืนมาให้ได้มากที่สุดและโดยเร็วที่สุด
สำหรับวิธีการของคนร้ายกลุ่มนี้ จะอาศัยช่องว่างของการเช่ารถยนต์ ซึ่งปล่อยเช่าอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เมื่อเช่ารถไปแล้วก็จะเอาไปขายหรือจำนำ จากนั้นจะนำเอาเงินดังกล่าวมาจ่ายเป็นค่าเช่า โดยจะจ่ายเงินตรงเวลา ทำให้ผู้ให้เช่าเกิดความเชื่อใจ และสร้างความน่าเชื่อถือในการเช่ารถในครั้งต่อ ๆ ไป ก่อนจะขยายวงออกไปในลักษณะเป็นลูกโซ่ บางครั้งเมื่อผู้เสียหายได้รถคืนก็ไม่ได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ทำให้วงจรนี้ก็ยังมีอยู่วนไปเรื่อย ๆ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถคลี่คลายได้โดยเร็ว อาจจะมีประชาชนหรือผู้ประกอบการรถเช่าได้รับความเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ประวิทย์ ได้แสดงความขอบคุณทุกฝ่ายทุกคนที่ช่วยกัน จนสามารถจับกุมตัวคนร้ายแก๊งนี้ได้ในครั้งนี้ พร้อมทั้งใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์วิธีการโจรกรรมรถในลักษณะนี้ ให้เจ้าของธุรกิจให้เช่ารถได้รับทราบและระมัดระวังพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวนี้เอาไว้ด้วย