ครม.ไฟเขียวไทยเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 อาเซียนพาราเกมส์ 2568 วงเงิน 2 พันล้าน

ภูเก็ต - คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ประเทศไทยรับเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ปี 2568 กรอบวงเงิน 2,055 ล้านบาท จังหวัดภูเก็ตร่วมเป็นเจ้าภาพ โดยจะใช้สนามกีฬาสุระกุลเป็นสนามแข่งขัน

ข่าวภูเก็ต

วันพุธ ที่ 28 กันยายน 2565, เวลา 16:12 น.

อบจ.ภูเก็ต ร่วมลงพื้นที่สนามกีฬาสุระกุลสำรวจความพร้อมในการจัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ภาพ อบจ.ภูเก็ต

อบจ.ภูเก็ต ร่วมลงพื้นที่สนามกีฬาสุระกุลสำรวจความพร้อมในการจัดแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ภาพ อบจ.ภูเก็ต

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2568 และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ปี 2568 กรอบวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายรวม 2,055 ล้านบาท แบ่งเป็น ขอรับสนับสนุนจากงบประมาณ 1,683 ล้านบาท, รายรับจากฝ่ายสิทธิประโยชน์ 200 ล้านบาท, ค่าจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขัน 20 ล้านบาท, ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ของนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ 134 ล้านบาท และค่าลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ 16 ล้านบาท

สำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันซีเกมส์ ในครั้งนี้เนื่องจากถึงรอบของไทยที่จะต้องเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ และขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดเสนอตัวเพื่อแข่งขันเป็นเจ้าภาพในปี 2568 ซึ่งครั้งล่าสุดที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ในปี 2550

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ประกอบด้วย เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตาประชาคมอาเซียน, สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและนักลงทุนนานาชาติ ให้เห็นถึงศักยภาพความพร้อมของประเทศในทุกๆด้าน, สร้างรายได้ให้กับประเทศเกิดการหมุนเวียนในระบบ โดยจะมีรายได้จากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการใช้จ่ายเงินของนักกีฬา เจ้าหน้าที่ ผู้แทนองค์กรกีฬาต่างๆ และผู้สังเกตการณ์ ประมาณ 12,000 คน และประเทศไทยจะได้แสดงความเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและกีฬา

ทั้งนี้ จะมีจังหวัดเป้าหมายที่จะร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ เช่น สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี, จังหวัดชลบุรี เช่น ศูนย์กีฬาภาคตะวันออก บางละมุง, จังหวัดนครราชสีมา เช่น สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา, จังหวัดภูเก็ตและสงขลา เช่น สนามกีฬาสุระกุล และสนามกีฬาติณสูลานนท์ และกรุงเทพมหานคร เช่น สนามราชมังคลากีฬาสถาน สนามศุภชลาศัย พร้อมกันนี้ ระหว่างการประชุมได้มีการเสนอเพิ่มกลุ่มจังหวัดเป้าหมายอีก 1 พื้นที่ คือกลุ่มจังหวัดอันดามัน ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดกระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล

ทั้งนี้ สนามสำหรับพิธีเปิดและพิธีปิด จะต้องมีความจุตั้งแต่ 20,000 ที่นั่งขึ้นไป ส่วนการถ่ายทอดสดการแข่งขันจะขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

ที่มา: ข่าวทำเนียบรัฐบาล

 

 

แจ้งข่าว..คลิกที่นี่