เปิดปมลอบสังหารคิมจองนัมพี่ชายผู้นำเกาหลีเหนือ
15 กุมภาพันธ์ 2560, 15:48
โพสต์ทูเดย์ - คิมจองนัมพี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือล้มป่วยเสียชีวิตในสนามบินของมาเลเซียเชื่อกันว่าเขาถูกลอบสังหารโดยน้องชายของตัวเอง เรื่องราวการลอบสังหารพี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือนั้นไม่ต่างจากภาพยนตร์สายลับของฮอลลีวูดเลยทีเดียวคิมจองนัมถูกลอบสังหารภายในสนามบินที่จอแจไปด้วยผู้คนท่ามกลางข่าวลือว่าผู้ลงมือนั้นเป็นสายลับของเกาหลีเหนือและรัฐบาลเป็นผู้ออกคำสั่งอยู่เบื้องหลัง! เจ้าหน้าที่ยืนยันศพของผู้เสียชีวิตว่าเป็นพี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือจริงจากลายนิ้วมือย้อนกลับไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาที่ท่าอากาศยานนานาชาติของกรุงกัวลาลัมเปอร์คิมจองนัมกำลังอยู่ระหว่างรอขึ้นเครื่องบินไปมาเก๊าเขาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สนามบินเมื่อพบว่าตนถูกใครบางคนสเปรย์ของเหลวบางอย่างใส่ที่ร้านช็อบปิ้งในสนามบินโดยระบุว่าเขามีอาการเจ็บปวดและระคายเคืองตา ด้านสื่อเกาหลีใต้รายงานอย่างไม่ปรากฏหลักฐานว่าคิมจองนัมถูกสังหารโดยสายลับหญิง 2 คนที่ขึ้นแท็กซี่หนีไปหลังลงมือต่อมาชายผู้นี้ก็เสียชีวิตซึ่งหลาบฝ่ายเชื่อกันว่าสายลับทั้ง 2 ใช้เข็มอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ตัวเขาว่าแต่คิมจองนัมผู้นี้เป็นใครและเหตุใดความตายของเขาจึงเป็นเรื่องสำคัญนัก? คิมจองนัมเกิดในปี 1971 ตัวเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลพ่อของเขาคือคิมจองอิลผู้นำเกาหลีเหนือในขณะนั้นส่วนแม่คือซองฮเยริมนักแสดงสาวตัวเขาเป็นพี่ชายต่างมารดากับคิมจองอึนผู้นำเกาหลีเหนือในปัจจุบัน ประวัติและการศึกษาของเขาไม่เป็นที่ถูกเปิดเผยมากนักแต่เป็นที่เชื่อกันว่าคิมอิลซ็องปู่ของเขาไม่ชอบใจกับความสัมพันธ์ของลูกชายและนักแสดงสาวมากนักทำให้คิมจองอิลพยายามเก็บลูกชายคนโตคนนี้ไว้เป็นความลับจากพ่อของเขาเด็กชายถูกส่งตัวไปอาศัยอยู่กับป้าซึ่งเป็นทั้งผู้ดูแลและผู้ให้การศึกษาต่อมาในปี 1979 คิมจองนัมก็ย้ายจากบ้านเกิดไปอาศัยอยู่กับยายของเขาในกรุงมอสโกของรัสเซียตัวเขาได้เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติและต่อมาก็ย้ายไปศึกษาต่อยังสวิสเซอร์แลนด์ก่อนจะเดินทางกลับมาบ้านเกิดอีกครั้งในปี 1988 ในปี 2001 คิมจองนัมสร้างเรื่องฉาวโฉ่เมื่อตัวเขาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นจับกุมจากการใช้พาสปอร์ตปลอมเพื่อเดินทางเข้าไปเที่ยวยังดิสนี่ย์แลนด์ในตอนนั้นเขาใช้พาสปอร์ตของจีนในชื่อจีนที่แปลออกมาได้ความหมายว่า "หมีอ้วน"ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและสร้างความอับอายให้แก่พ่อของเขาอย่างมากซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เชื่อกันว่าเป็นสาเหตุให้คิมจองนัมต้องอาศัยอยู่ที่มาเก๊าและไปมาๆระหว่างกรุงปักกิ่งและสิงคโปร์ในบางครั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าคิมจองนัมนั้นต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันหรือไม่ตัวเขาเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงผู้นำเกาหลีเหนือแต่ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศนั้นเขาจำต้องใช้ชื่อปลอมมาตลอดเนื่องจากกังวลว่าสถานะของตนที่เป็นพี่ชายต่างมารดาของคิมจองอึนอาจส่งผลให้ตัวเขาเป็นภัยต่อความมั่นคงของผู้นำเกาหลีเหนือเอง ทั้งนี้รายงานจาก Chosun Ilbo สำนักข่าวเกาหลีใต้คิมจองนัมเองเคยทำงานเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือมาก่อนโดยมีหน้าที่หลักคือแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นกับญี่ปุ่นซึ่งตำแหน่งงานของเขาอาจเป็นยุทธิวิธีที่ผู้นำเกาหลีเหนือเลือกใช้โดยเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวดีกว่าไกลตาแม้ว่าความสัมพันธ์แบบพี่น้องระหว่างทั้งคู่จะเบาบางก็ตาม หลังการเสียชีวิตของคิมจองอิลในปี 2011 หลายฝ่ายเชื่อกันว่าคิมจองนัมลูกชายคนโตผู้นี้คือทายาทที่แท้จริงแต่สาเหตุที่เขาไม่ได้รับเลือกนั้นอันเนื่องมาจากสัมพันธ์ที่ห่างไดลจากพ่อรวมทั้งน้องชายต่างมารดาของเขาเองก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทายาทตั้งแต่ปี 1990 แล้วด้วยแม้ขณะนั้นผู้นำเกาหลีเหนือจะมีอายุเพียง 8 ขวบก็ตาม ในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวญี่ปุ่นเมื่อปี 2010 คิมจองนัมเคยกล่าวไว้ว่าตัวเขาไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดทายาทจากรุ่นสู่รุ่นและคาดหวังว่าน้องชายของเขาจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเกาหลีเหนือแต่ในปี 2012 เขาออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่าน้องชายของเขานั้นขาดความเป็นผู้นำ การลอบสังหารที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2011 มีรายงานว่าเขาเอาชีวิตรอดมาได้จากการลอบสังหารในมาเก๊าและข้อมูลจากเกาหลีใต้ที่สามารถจับกุมสายลับของเกาหลีเหนือได้สายลับเองยอมรับว่ามีความพยายามที่ลอบสังหารคิมจองนัม Evans Revere อดีตนักการทูตสหรัฐผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกกล่าวว่าการลอบสังหารไม่ได้แปลว่าความมั่นคงของเกาหลีเหนือกำลังสั่นคลอนแต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าคิมจองอึนนั้นควบคุมทุกอย่างและสามารถกำจัดฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย The Sun เคยรายงานหลังจางซ็อกแทกลุงของเขาถูกลอบสังหารในปี 2013 คิมจองนัมต้องหนีไปซ่อนตัวในมาเลเซียในปีต่อมาเขากล่าวว่าตนกำลังถูกสอดส่องโดยรัฐบาลจีน ด้านครอบครัวคิมจองนัมมีภรรยาสองคนภรรยาคนแรกชินจองฮุยอาศัยอยู่ทางตอนเหนือของกรุงปักกิ่งส่วนภรรยาคนที่สองพร้อมด้วยลูกชายและลูกสาวของเขานั้นเชื่อว่าอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งในมาเก๊าและยังมีข่าวลือว่าเขายังมีภรรยาน้อยอีกคนที่อาศัยอยู่ในมาเก๊าเช่นกันโดยเธอมีอาชีพเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เตรียมตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารในอีกร้อยปีข้างหน้า
15 กุมภาพันธ์ 2560, 15:44
โพสต์ทูเดย์ - โครงการตั้งถิ่นฐานบนดาวอังคารชาติแรกของโลกโดยเจ้าผู้ครองนครดูไบด้วยความร่วมมือจากสถาบันวิทยาศาสตร์นานาชาติ ในอีกร้อยปีข้างหน้าประชากรมนุษยชาติจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมหาศาลปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกซึ่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เองก็ได้ตระหนักถึงปัญหานี้และเปิดตัวโปรเจคใหม่โดยมีเป้าหมายที่จะพาประชาชนของประเทศขึ้นไปตั่งถิ่นฐานกันบนดาวอังคารภายในปี 2117 เรียกว่าหนีปัญหาไปดาวอื่นกันเลยทีเดียว โปรเจคดังกล่าวมีชื่อว่า "Mars 2117 Project" ถูกประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาโดยชีคมูฮัมหมัดบินราซิดอัล-มักทูมเจ้าผู้ครองนครดูไบและยังดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในระหว่างการประชุมสุดยอดรัฐบาลโลกครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นในประเทศ "การเดินทางไปยังดาวดวงอื่นั้นคือความฝันของมนุษยชาติมาโดยตลอดเป้าหมายของเราคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะเป็นผู้นำในความพยายามทำฝันนั้นให้เป็นจริงให้ได้" เจ้าผู้ครองนครดูไบกล่าว "โปรเจคใหม่นี้เปรียบเสมือนการลงเมล็ดปลูกต้นไม้เพื่อประโยชน์ของลูกหลานรุ่นต่อไปของเราในอนาคตด้วยแรงผลักดันในความรักที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ" รายงานจากการแถลงโปรเจคโดยสำนักรัฐบาลดูไบโครงการดังกล่าวนี้จะถูกพัฒนาขึ้นร่วมกับสถาบันวิจัยทางวิทยาศาตร์ระหว่างประเทศโดยโครงการแรกจะมุ่งเน้นไปที่การเตรียมความพร้อมสำหรับมนุษย์ให้สามารถใช้ชีวิตบนอวกาศได้นอกจากนั้นยังแสวงหาและพัฒนาการขนส่งที่รวดเร็วระหว่างโลกและดาวอังคาร เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2014 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เองเพิ่งจะดำเนินโครงการอวกาศโดยมีเป้าหมายที่จะส่งหุ่นยนต์ตัวแรกของชาติอาหรับขึ้นไปยังดาวอังคารในปี 2021 นี้

ผู้สื่อข่าวโดมินิกันถูกยิงเสียชีวิตระหว่างเฟซบุ๊กไลฟ์
15 กุมภาพันธ์ 2560, 15:37
ผู้สื่อข่าววิทยุ 2 รายถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตในสาธารณรัฐโดมินิกันในระหว่างที่พวกเขากำลังออกอากาศรายการข่าวผ่านช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์ เกิดเหตุอาชญากรรมสยองขวัญนอกเมืองหลวงของสาธารณรัฐโดมินิกันเมื่อมือปืนกราดยิงเข้าไปยังสถานีวิทยุแห่งหนึ่งในระหว่างที่กำลังออกอากาศส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คือ Luís Manuel Medina ผู้ประกาศข่าวในช่วงรายการข่าว Milenio Caliente หรือ Hot Millennium ตัวเขาถูกฆ่าระหว่างกำลังออนแอร์รายการเมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นส่วนอีกรายคือ Leo Martínez โปรดิวเซอร์และผู้กำกับของคลื่นวิทยุ FM103.5 ซึ่งในช่วงที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่นั้นมีเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นว่าให้ยิงปืนจากนั้นรายการก็ถูกตัดไป Dayaba Garcia เลขาณุการของสถานีเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเช่นกันและขณะนี้ตัวเธอถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการผ่าตัด รายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเหตุกราดยิงสยองขวัญนี้เกิดขึ้นในเมือง San Pedro de Macorís เมืองเล็กๆที่ตั้งห่างออกไปทางตะวันออกจากกรุงซานโตโดมิงโกเมืองหลวงของประเทศราว 45 ไมล์ซึ่งสถานีวิทยุที่ถูกโจมตีนี้ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งของเมืองและล่าสุดมีรายงานจับกุมผู้ต้องสงสัย 3 รายแต่ยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาแต่อย่างใดเนื่องจากยังขาดหลักฐานที่เพียงพอ รายการข่าว Milenio Caliente ถือได้ว่าเป็นรายการวิทยุที่ได้รับความนิยมและโดดเด่นด้านการวิเคราะห์ข่าวการเมืองไปจนถึงแคมเปญที่เกิดขึ้นในสังคมซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา Medina ผู้ประกาศข่าวที่เสียชีวิตเพิ่งจะกล่าวประณามปัญหามลพิษที่เกิดในทะเลสาบ Mallen และ San Pedro ไป Olivo de Leon อดีตนักศึกษาจากสถาบันการสื่อสารมวลชนที่รู้จักผู้เสียชีวิตทั้งคู่กล่าวว่าเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เร่งจับกุมผู้ก่อเหตุรวมทั้งหาสาเหตุของการลงมือเนื่องจากการคุกคามชีวิตของนักข่าวนั้นกำลังสร้างความหวาดกลัวต่อเสรีภาพในการแสดงออกของพวกเขา  กรณีการเสียชีวิตของนักข่าวที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้นเกิดเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2015 เมื่อ Blas Olivo ผู้อำนวยการของ Dominican Agribusiness Association ถูกยิงเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุเป็นการปล้นแม้ว่าโทรศัพท์ของเขาในรถจะไม่ถูกขโมยไปก็ตามปัจจุบันคดียังคงไม่ถูกคลี่คลาย