กรณีผู้ใช้เฟสบุคส่วนตัวชื่อว่า ไกรสร บุญสระพัง มีการโพสต์ภาพนักศึกษารายหนึ่ง พร้อมระบุ ข้อความว่า ขอพรอันสิ่งศักดิ์สิทธิ์บารมี ร.5 ร.9 กรมหลวงชุมพร สมเด็จพระพุฒจารย์โต ขอปาฏิหาริย์ให้หลานสาว น.ส พรพิพัฒน์ เอียดดำ หายฟื้นกลับมาเป็นปกติด้วยเถิด น้องเกิดอาการช็อกหมดสติอยู่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หลังจากที่มีการโพสต์ได้มีการแสดงความคิดเห็น โดยส่วนใหญ่ขอให้ห้องปลอดภัยหายไว ๆ และมีอีก 1 ความคิดเห็นระบุว่า “รู้สาเหตุที่เกิดเรื่องขึ้น รู้สึกเสียใจมากเลยค่ะ ตอนแรกเฉย ๆ ที่เด็ก ๆ มาประท้วง ตอนนี้เข้าใจแล้ว เพราะระบบการรับน้องแบบนี้ ทำให้เกิดการสูญเสียที่น่าเศร้า เห็นคลิปกิจกรรมน้องแล้ว น้องเป็นคนมีความสามารถมากเลนค่ะ ต้องมาเรียนอนาคตดี ๆ ไป”
ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความสูญเสียของ นางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ (น้องมิ้นท์) นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในวันที่ 21 สิงหาคม 2563 ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างสูงต่อครอบครัวของนักศึกษา
"มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต มิได้นิ่งนอนใจ โดยจะให้ความช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น จำนวนเงิน 100,000 บาท และได้ติดต่อประสานงานกับครอบครัวของนักศึกษาแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้อย่างเร่งด่วน ซึ่งคณะตรวจสอบประกอบด้วย ทีมผู้บริหาร และทางงานนิติการ ถ้าพบว่ามีความผิดจะลงโทษทางวินัย
การสูญเสียในครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ขอยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากกิจกรรมการรับน้องตามที่เป็นข่าว เป็นเพียงกิจกรรมกีฬาสีของคณะ โดยเป็นเหตุการณ์การเตรียมกิจกรรมกีฬาสี เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2563 ซึ่งมหาวิทยาลัยฯจะดำเนินการแถลงข่าวเมื่อมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในลำดับถัดไป ทางมหาวิทยาลัยฯขอแสดงความเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้" ผศ.ดร.หิรัญ กล่าว
ทางด้าน อาจารย์ธีรพงษ์ หนูไชยแก้ว คณบดี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า กิจกรรมนี้มีรุ่นพี่และอาจารย์คอยควบคุม เมื่อเกิดเหตุได้พูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว
"สาเหตุการเสียชีวิตขอเป็นการพิสูจน์จากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ก่อน ซึ่งผู้ตายมีการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ ทำให้เกิดอาการวูบและส่งไปที่โรงพยาบาล รักษาตัวที่ ห้องไอซียู จากนั้นอยู่ที่กระบวนการแพทย์วินิจฉัย สาเหตุการเสียชีวิต ตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบหาข้อเท็จจริงผลจะแจ้งให้ทราบ" คณบดีฯ กล่าว
ด้าน ผศ.ดร.นพดล จันระวัง รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า ขอย้ำว่า กิจกรรมนี้ไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง แต่เป็น กิจกรรมกีฬาของคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งกิจกรรมของคณะมีการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ กำหนดการแข่งขันในเดือนกันยายนนี้ มี นักศึกษาให้ความสนใจมากสมัครเข้าร่วมกิจกรรม
การเป็นเชียร์ลีดเดอร์ต้องมีการฝึกซ้อม ทางมหาวิทยาลัยได้ซักถามข้อมูลจากอาจารย์และรุ่นพี่ ในการซ้อมเชียร์เพื่อเข้าแข่งขันกีฬาของคณะ ซึ่งเด็กๆมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก ดังนั้น กระบวนการซัอมเชียร์ของสาขาวิชา เป็นสาขาวิชาที่อาจารย์กำกับดูแลอย่างเข้มงวด ดังนั้น สิ่งที่เด็ก ๆ ทำมีความตั้งใจทำกิจกรรมอย่างเต็มที่ให้ได้ชนะเลิศ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้เล็งเห็นความสำคัญของเด็กมีพื้นที่ทำกิจกรรมกีฬา
ขอยืนยันอีกครั้งไม่ใช่กิจกรรมรับน้อง ซึ่งกิจกรรมรับน้องทางมหาวิทยาลัยฯประกาศห้าม แต่นี่เป็นการซ้อมเชียร์ลีดเดอร์ที่จะเข้าร่วมแข่งขันระดับคณะ ดังนั้น ได้คุยกับทั้งคณะและอาจารย์สาขาวิชา ซึ่งเมื่อทราบว่านักศึกษาเสียชีวิต รุ่นพี่ตกใจและเสียใจมาก ได้ให้กำลังใจแล้วเพราะว่าทุกคนมีความตั้งใจในการทำกิจกรรม
หลังจากนี้ ทางมหาวิทยาลัยจะเข้าดูแลว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะอะไรเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง เบื้องต้นได้ข้อมูลมาตามนี้จึงแถลงข่าวให้ทราบ ส่วนรายละเอียดมากกว่านี้ต้องแสวงหาข้อเท็จจริงให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งน.ศ.ผู้เสียชีวิต และผู้ร่วมทำกิจกรรมดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
ส่วนทางด้านพ่อของนักศึกษาที่เสียชีวิจได้กล่าวตัดพ้อมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตขอให้พูดความจริง
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. นายคนอง เอียดดำ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/22 ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต บิดา ของนางสาวพรพิพัฒน์ เอียดดำ (น้องมิ้นท์) นักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่เสียชีวิต กล่าวว่า เหตุเกิดประมาณ 1 ทุ่มในวันเกิดเหตุ เมื่อ 19 ส.ค. รับแจ้งว่า ลูกสาวเป็นลมส่งร.พ.วชิระ ภูเก็ต มีอาการหัวใจหยุดเต้นประมาณ 16 นาที ก่อนถึงโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต หมอช่วยปั๊มหัวใจ อาการโคม่า อยู่ในห้องไอซียู
"ได้ถามเพื่อนลูกที่ร่วมกิจกรรมบอกว่าซ้อมเชียร์ให้วิ่งรอบสนามวอร์มร่างกาย 5 รอบ แต่น้องวิ่งไม่ครบมีอาการเป็นลมชักเกร็ง เพื่อน ๆ จึงรีบส่งโรงพยาบาลพาไปส่งกับรถจักรยานยนต์ซัอนสามให้ผู้ตายนั่งตรงกลาง เมื่อไปที่โรงพยาบาลได้ขอไปดูลูกพบว่าร่างกายของลูกมีร่องรอยถลอกหลายจุด น่าจะเกิดจากตอนที่ล้มลง รู้สึกเสียใจมาก เขาตั้งใจเรียนมาก ได้ไปส่งเข้าเรียนทุกวัน ได้บอกให้ระมัดระวังตัวเสมอในการทำกิจกรรม”
"ซึ่งในวันดังกล่าวเพื่อนของลูกอีกคนบอกว่าถูกรุ่นพี่ทำโทษให้วิ่งรอบสระน้ำหลายกิโลเมตรภายในมหาวิทยาลัย ตนได้ถามแพทย์ถึงสาเหตุการเสียชีวิต บอกว่าลูกเหนื่อยจัดหัวใจล้มเหลวฉับพลัน ลูกไม่มีโรคประจำตัวและน่าจะเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในมหาวิทยาลัย" นายคนอง กล่าว
“ในทางคดีได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมือง ภูเก็ต ไม่มีการฟ้องร้องใดกับมหาวิทยาลัย เพียงขอให้พูดความจริง ส่วนตัวแล้วรู้สึกน้อยใจเสียความรู้สึก ทั้งที่เป็นเหตุรุ่นพี่ทำโทษหนักกับรุ่นน้องขอให้เป็นอุทาหรณ์บทเรียนในมหาวิทยาลัย ขอให้มีการดูแลนักศึกษาให้ใกล้ชิดมากกว่านี้" นายคนอง กล่าว “ส่วนการบำเพ็ญกุศลต้องรอตำรวจสอบสวนคดีก่อน จึงจะนำศพออกมาได้ และจากนั้นจะตั้งศพที่วัดท่าเรือ”
